การเปิดร้านกาแฟ แม้จะเป็นร้านเล็กหรือใหญ่ก็คือธุรกิจในฝันที่ทำให้หลายคนหัวใจพองโตกันได้ เพราะเราต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าการได้ทำในสิ่งที่รักและทำเงินจากสิ่งนั้นคือความสุขที่ยากเกินจะบรรยาย
อย่างไรก็ตาม การมีใจรักเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอในการทำธุรกิจร้านกาแฟ เพราะคุณจะต้องมีความเข้าใจในธรรมชาติของธุรกิจและรู้เท่าทันความต้องการของลูกค้าด้วย ดังนั้นก่อนจะเปิดร้านกาแฟแบบจริงจัง มาดู 10 เทคนิคเด็ดที่ช่วยป้องกันความผิดพลาดและนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้นกันดีกว่า ขอบอกเลยว่าแม้จะเป็นมือใหม่ก็สำเร็จได้ง่ายขึ้นแน่นอน
ดาวน์โหลดแอป Zaapi ไว้เปิดร้านกาแฟ ฟรี!
1. เลือกว่าจะเปิดร้านกาแฟแบบไหน
ปัจจุบันร้านกาแฟไม่ได้จำกัดแค่ร้านที่จะต้องมีที่นั่งหรือบรรยากาศเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีร้านที่เน้นประสบการณ์หรือร้านที่เน้นตอบโจทย์วิถีชีวิตอันเร่งรีบของคนเมืองด้วย ดังนั้นหากคุณคิดจะเปิดร้านขายกาแฟจึงต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดว่าจะขายกาแฟให้ใครและจะเปิดร้านแบบไหน ซึ่งคุณสามารถเลือกเปิดได้แบบ เช่น
- คาเฟ่
- ร้านกาแฟตู้คอนเทนเนอร์
- ซุ้มร้านกาแฟ
- ร้านกาแฟรถเข็น
- ร้านกาแฟมอเตอร์ไซค์
2. สไตล์ร้านกาแฟต้องโดนใจลูกค้า
เมื่อเลือกรูปแบบหรือประเภทร้านกาแฟได้แล้ว คราวนี้ก็มาถึงสไตล์การตกแต่งร้านกาแฟ เพราะปัจจุบันแค่รสชาติของกาแฟเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอต่อการมัดใจให้ลูกค้า แต่ทางร้านจะต้องให้ความสำคัญไปถึงสไตล์การตกแต่งทั้งภายในและภายนอก ซึ่งสไตล์ที่โดนใจคอกาแฟในปัจจุบันจะต้องมีมุมที่ถ่ายรูปสวยด้วย เช่น
- สไตล์มินิมอล
- สไตล์วินเทจ
- สไตล์โมเดิร์น
- สไตล์ลอฟต์
นอกจากนี้ก็ต้องคำนึงถึงการตกแต่งภายใน (Interior Design) ที่สอดคล้องกับสไตล์ที่เลือกด้วย ซึ่งทั้งหมดสามารถหาข้อมูลได้ง่าย ๆ บนโลกออนไลน์ตามช่องทาง Social Media ต่าง ๆ โดยเฉพาะ Pinterest
3. เตรียมงบให้พร้อม
“เปิดร้านกาแฟ ลงทุนเท่าไหร่”
ในเรื่องของต้นทุนร้านกาแฟขึ้นอยู่กับรูปแบบและสไตล์ของร้านซึ่งมีตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่นขึ้นไป เช่น ถ้าเป็นร้านกาแฟมอเตอร์ไซค์ งบในการลงทุนก็จะอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาทขึ้นไป แต่ถ้าเป็นแบบร้านที่มีที่นั่งติดแอร์ก็อาจจะต้องเตรียมไว้สัก 100,000 - 300,000 เป็นอย่างตำ แต่ถ้าไม่แน่ใจจริง ๆ ควรสอบถามกับผู้รู้ที่เป็นเจ้าของร้านกาแฟหรือเคยมีประสบการณ์เปิดร้านกาแฟมาก่อน เพราะอย่าลืมว่าในส่วนของงบเปิดร้านกาแฟนั้นคุณจะต้องมีทุนไว้จ่ายหลายอย่างด้วยกัน อาทิ
- ค่าเช่าที่
- ค่าน้ำ ค่าไฟ
- ค่าพนักงาน
- ค่าตกแต่งร้าน
- ค่าอุปกรณ์
- ค่าแพ็คเกจจิ้ง
นอกจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ว่านี้แล้ว คุณจะต้องมีเงินสำรองไว้อย่างน้อย 3 - 6 เดือนด้วย ไม่ควรทุ่มงบทั้งหมดที่มีไปครั้งเดียวแล้วหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า
ลดต้นทุนการขายกาแฟออนไลน์ ด้วยการเปิดร้านกับ Zaapi!
4. ทำเลสำคัญมาก
การเลือกทำเลเปิดร้านกาแฟ คุณจะต้องเลือกในที่ที่มีกลุ่มลูกค้าของคุณ เพราะทำเลที่ใช่จะเป็นขุมทรัพย์ในการทำธุรกิจของคุณไปอีกนาน ดังนั้นถ้าอยากให้ร้านกาแฟของคุณไปรอดก็ต้องให้เลือกทำเลให้เป็นคือ
- สอดคล้องกับขนาดของร้านที่วางไว้
- มีกลุ่มลูกค้าสัญจรไปมา
- เข้าถึงได้สะดวก
- หากมีคู่แข่ง ต้องแตกต่าง
ซึ่งทำเลที่นิยมเปิดร้านกาแฟก็จะมีทั้งปั๊มน้ำมัน ออฟฟิศ บริเวณใกล้โรงเรียน ชุมชน และห้างสรรพสินค้า เมื่อเลือกแล้วว่ากลุ่มลูกค้าเป็นใครและอยู่บริเวณไหนก็เลือกทำเลเปิดร้านกาแฟของคุณได้เลย!
5. อุปกรณ์ร้านกาแฟต้องครบ
หลายคนมักจะสงสัยว่าเปิดร้านกาแฟ ต้องเตรียมอะไรบ้าง บอกเลยว่านี่คือเช็คลิสต์อุปกรกณ์สำคัญเบื้องต้นที่ขาดไม่ได้เป็นอันขาด
- ป้ายเมนู
- เครื่องชงกาแฟ
- เครื่องบดกาแฟ
- เครื่องปั่น
- เมล็ดกาแฟ
- ตู้แช่เบเกอรี่
- แก้วและหลอด
- กล่องภาชนะและบรรจุภัณฑ์
และหากคุณจะเปิดให้นั่งทานในร้านก็จะต้องมีจาน ชาม ช้อน ส้อม และอุปกรณ์ตกแต่งโต๊ะอื่น ๆ อีก เช่น แจกันดอกไม้และต้นไม้ เป็นต้น
6. เทรนพนักงาน
ทางร้านจะต้องสร้างมาตรฐานรสชาติและการบริการ จากนั้นก็เทรนพนักงานเพื่อให้เข้าใจรสชาติหรือสูตรกาแฟของทางร้าน เริ่มตั้งแต่เมล็ดกาแฟ สายพันธ์ การคัดเลือก การคั่ว ไปจนถึงวิธีการชง ในส่วนของการบริการก็ควรปลูกฝังการบริการที่ดีและวิธีรับมือกับปัญหาเพื่อให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากทางร้านและกลับมาใช้บริการซ้ำบ่อย ๆ ซึ่งการเทรนพนักงานร้านกาแฟที่มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องครอบคลุมหลายด้าน เช่น
- การกล่าวทักทายและขอบคุณลูกค้า
- การบริการที่รวดเร็ว
- การใส่ใจลูกค้า
- การพูดคุยที่เป็นมิตรและให้เกียรติลูกค้าทุกคน
- การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
เมื่อเตรียมความพร้อมพนักงานในทุกด้านแล้ว เจ้าของร้านอย่างคุณก็จะบริหารร้านได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นและลูกค้าของคุณเองก็จะประทับใจในการบริการ ซึ่งบางครั้งอาจเกิดการบอกต่อ ช่วยร้านคุณทำการตลาดแบบฟรี ๆ ด้วยซ้ำ
7. มีแผนสำรองเสมอ
เจ้าของร้านกาแฟมือใหม่หลายคนเริ่มต้นทำร้านด้วยพลังบวกและความเชื่อแบบบวก ๆ ซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีมาก ๆ ของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ บางคนอาจจะคิดบวกเกินไปจนลืมเตรียมแผนสำรองธุรกิจไว้รับมือกับยามวิกฤติ ยกตัวอย่างเหมือนช่วงนี้ที่มีวิกฤติโควิด-19 หากร้านไม่มีแผนสำรองหรือรู้จักปรับตัวก็มีโอกาสปิดตัวธุรกิจลงไปได้เลย เพราะฉะนั้นห้ามมองข้ามเป็นอันขาด และร้านควรมีแผนธุรกิจไว้รับมือกับปัญหาต่าง ๆ ดังนี้ด้วย
- ร้านขาดทุน
- ตุนวัตถุดิบเกิน
- ลูกค้าโพสต์เกี่ยวกับร้านในเชิงลบบนโลกโซเชียล
- พนักงานลาออกกะทันหัน
- ซัพพลายเออร์ส่งของไม่ทัน
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เพราะในการทำร้านกาแฟจริง ๆ แล้วยังมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้อีก ดังนั้นคุณจึงควรมีแผนสำรองไว้รับมือกับปัญหาดังกล่าว เมื่อปัญหาเกิดขึ้นจริงจะได้ไม่ตื่นตระหนกและจัดการกับปัญหาได้ดี
ดาวน์โหลดแอป Zaapi ไว้เปิดร้านขายของออนไลน์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
8. ขายสินค้าอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย
นอกจากกาแฟหรือเบเกอรี่แล้ว ทางร้านก็สามารถขายสินค้าเสริมเพื่อเพิ่มยอดขายให้กับร้านกาแฟของคุณได้ เช่น เมล็ดกาแฟ, กาแฟสำเร็จรูป, แก้วกาแฟ, ขวดน้ำ, ถุงผ้า, หลอด และพวงกุญแจ ซึ่งตัวอย่างของร้านที่ขายสินค้าอื่นควบคู่ไปด้วยและได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีก็มีทั้ง Starbucks, กาแฟอเมซอน และกาแฟดอยช้าง
ซึ่งแน่นอนว่าการขายสินค้าอื่น ๆ เสริมในร้านกาแฟไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการมอบตัวเลือกที่มากขึ้นให้กับลูกค้า ให้ลูกค้าได้สะสมสินค้าของทางร้าน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการสร้าง Customer Loyalty ได้เป็นอย่างดี
9. ขายกาแฟออนไลน์
เมื่อมีหน้าร้านและสินค้าทุกอย่างพร้อมแล้ว อีกหนึ่งช่องทางที่คุณไม่ควรมองข้ามเลยก็คือการขายกาแฟและสินค้าอื่น ๆ ออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและเพิ่มรายได้ให้กับร้านกาแฟของคุณเอง ซึ่งนอกจากคุณจะขายออนไลน์ตามแอพเดลิเวอรี่ โซเชียลมีเดีย หรือมาร์เก็ตเพลสต่าง ๆ แล้ว คุณจำเป็นจะต้องมีหน้าร้านกาแฟออนไลน์เป็นของตัวเองด้วย ซึ่งคุณสามารถทำได้ง่าย ๆ กับเว็บไซต์สำเร็จรูปในแอป Zaapi เพียงแค่กรอกข้อมูลสินค้าให้ครบ คุณก็มีร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองได้ง่าย ที่สำคัญ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย!
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะนอกจากจะฟรีแล้ว Zaapi ยังให้เจ้าของร้านกาแฟทำทุกอย่างได้จากในแอป ทั้งกำหนดระยะทางและค่าจัดส่งกาแฟเดลิเวอรี่ วิเคราะห์ผลประกอบการของทางร้าน เช็คยอดขาย เก็บข้อมูลลูกค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย!
10. โปรโมทเพื่อเพิ่มยอดขาย
สุดนี้อย่าลืมทำแผนการตลาดเพื่อโปรโมทร้านกาแฟของคุณให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น ซึ่งมีเครื่องมือฟรีที่คุณสามารถใช้ได้ เช่น Social Media อย่าง Facebook ไอจี ทวิตเตอร์ และ Google My Business โดยคอนเทนต์ที่คุณสามารถใช้ได้กับทุกช่องทางเลยก็คือ สินค้าและบริการ รวมถึงอัพเดทต่าง ๆ ของทางร้าน อาจจะเป็นในรูปแบบของรูปภาพหรือวิดีโอก็ได้
นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกโปรโมทร้านกาแฟของคุณในแบบที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายได้หากมีงบ เช่น ยิงแอดโฆษณา อินฟลูเอนเซอร์ และมอบส่วนลดสำหรับลูกค้าที่เช็คอินร้านหรือลูกค้าที่แนะนำเพื่อนมาที่ร้านของคุณ (Referral Program) เป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่จะช่วยให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการขายได้เป็นอย่างดี
สรุป
เป็นยังไงกันบ้างกับ 10 เทคนิคเด็ดในการเปิดร้านกาแฟสำหรับมือใหม่ อ่านดูแล้วพอจะมีแนวทางกันขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ เราเชื่อว่าหากคุณค่อย ๆ นำไปปรับใช้หรือศึกษาแต่ละข้อให้ละเอียดกันมากขึ้น คุณจะเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้สำเร็จได้ไม่ยาก ทั้งนี้หากคุณวางแผนเปิดร้านกาแฟออนไลน์ไปด้วยอยู่แล้ว ลองใช้ Zaapi จำลองร้านกาแฟของคุณดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าการเปิดร้านกาแฟง่ายกว่าที่คิด
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Zaapi
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานฟีเจอร์ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง
- LINE OA: @zaapi
- Facebook Page: Zaapi Thailand
- Tel: 096-927-1729
Chat, Sell, Scale - The All-in-One Conversation and Commerce Hub