การทำธุรกิจออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซ (e-commerce) ในยุคดิจิทัล การจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ผลลัพธ์เป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจเช่นคุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด และ Dashboard (แดชบอร์ด) ก็คือเครื่องมือที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการรวบรวม จัดการ และแสดงผลข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างชัดเจนในที่เดียว ซึ่งเพื่อให้คุณเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของ Dashboard ต่อธุรกิจออนไลน์ยิ่งขึ้น ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ Dashboard ว่ามันคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และช่วยพัฒนาการขายของออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซให้เติบโตได้อย่างไร
Dashboard คืออะไร?
Dashboard อ่านว่า แดชบอร์ด คือ หน้าจอแสดงผลข้อมูลที่ถูกรวบรวมและสรุปจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น ยอดขาย, สินค้าคงคลัง, การเข้าชมเว็บไซต์, การโต้ตอบของลูกค้า ภาพรวมแชท และอื่นๆ อีกมากมาย โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกแสดงในรูปแบบกราฟ ตาราง หรือแผนภูมิที่ง่ายต่อการวิเคราะห์ ทำให้เจ้าของธุรกิจหรือผู้ใช้งานดูข้อมูลเข้าใจได้ง่ายและทันที โดยไม่ต้องใช้เวลาวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นเอง
เพราะฉะนั้นหน้าที่หลักของ Dashboard ก็คือ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมองเห็นข้อมูลสำคัญทั้งหมดได้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการติดตามยอดขาย การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด หรือแม้กระทั่งการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต โดยผู้ประกอบการสามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
Dashboard มีประโยชน์ต่อการขายของออนไลน์และอีคอมเมิร์ซอย่างไร?
ถ้าสงสัยว่าทำไมเจ้าของธุรกิจออนไลน์และผู้ประกอบการถึงต้องเลือกใช้งานระบบที่มี Dashboard เพื่อบอกข้อมูลโดยรวมของธุรกิจล่ะก็ บอกเลยว่ามีหลายข้อที่คุณต้องพิจารณากันเลยที่เดียว โดยหลักๆ แล้ว Dashboard จะมีประโยชน์ต่อร้านค้าออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ ดังนี้:-
1. ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีข้อมูล
Dashboard รวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์ (real-time) และนำเสนอข้อมูลที่สำคัญที่สุดให้คุณดู ทำให้สามารถตัดสินใจได้บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เช่น หากยอดขายตกในช่วงเวลาหนึ่ง คุณสามารถวิเคราะห์ได้ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร และปรับกลยุทธ์การขายและกลยุทธ์การตลาดของร้านได้ทันที
2. การติดตามยอดขายและกำไร
สำหรับผู้ขายออนไลน์และคนทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การรู้ว่ายอดขายของสินค้าตัวไหนมาแรง หรือแคมเปญการตลาดไหนที่สร้างกำไรสูงสุด เป็นข้อมูลที่สำคัญ และ Dashboard ก็คือพื้นที่ที่รวบรวมข้อมูลเหล่านี้และแสดงให้เห็นในรูปแบบที่เข้าใจง่าย
3. วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า
หากต้องการดูข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า เช่น สินค้าที่ลูกค้าสนใจ การคลิกเข้าชมเว็บไซต์ หรือช่วงเวลาที่มียอดขายสูงสุด คุณก็สามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้ที่ Dashboard จากนั้นก็สามารถวางแผนการตลาดและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เลย
4. การจัดการสินค้าคงคลัง
ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการขายออนไลน์ การจัดการสต๊อกสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ Dashboard สามารถแสดงจำนวนสินค้าที่เหลืออยู่ในคลังสินค้า รวมถึงการแจ้งเตือนเมื่อสินค้ากำลังจะหมด ช่วยป้องกันปัญหาการขายสินค้าหมดสต๊อก ให้คุณเตรียมสินค้าไว้ทันขาย หมดปัญหาเรื่องของขาด ช่วยให้ไม่พลาดโอกาสในการขาย
5. เพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด
ด้วยข้อมูลจาก Dashboard คุณสามารถวิเคราะห์ได้ว่าแคมเปญการตลาดไหนมีผลตอบรับดี หรือควรปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตรงไหนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Dashboard จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนแคมเปญการตลาดของธุรกิจออนไลน์และอีคอมเมิร์ซของคุณ
6. ปรับปรุงการตอบแชทลูกค้า
สำหรับธุรกิจออนไลน์และอีคอมเมิร์ซที่เน้นการแชท Dashboard จากบางแพลตฟอร์มก็จะมีข้อมูลเชิงลึก เช่น จำนวนแชทต่อวัน, อัตราการตอบแชท, ปริมาณแชทในแต่ละชั่วโมงต่อวัน และเวลาในการตอบแชท เป็นต้น เพื่อให้คุณได้ดูผลลัพธ์และประสิทธิภาพการตอบแชท ทำให้สามารถวางแผนการให้บริการและปรับปรุงการตอบแชทลูกค้า รวมถึงการให้บริการลูกค้าผ่านแชทในช่องทางต่างๆ ได้ เรียกได้ว่าช่วยทั้งเจ้าของกิจการและทีมแอดมินตอบแชทให้ทำงานได้ดีขึ้นเลยทีเดียว และ Zaapi เองก็มีฟีเจอร์และฟังก์ชั่นการใช้งานแดชบอร์ดในส่วนนี้ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจที่เน้นปิดการขายผ่านแชทโดยเฉพาะ
องค์ประกอบที่สำคัญของ Dashboard สำหรับธุรกิจออนไลน์
หากจะถามว่าต้องมองหาองค์ประกอบอะไรบ้างในการเลือกใช้แพลตฟอร์มร้าน หรือว่า Dashboard ที่ดีจะต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้างจึงจะทำให้คุณบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์และอีคอมเมิร์ซอย่างราบรื่น ก็ต้องบอกเลยว่าแล้วแต่ความจำเป็นและลักษณะการทำงานของแต่ละธุรกิจ และนี่คือ 7 องค์ประกอบพื้นฐานที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องมองหาเมื่อเลือกใช้ Dashboard หรือแพลตฟอร์มมาใช้งานในธุรกิจ
- ข้อมูลยอดขาย (Sales Data) แสดงรายงานเกี่ยวกับยอดขายในช่วงเวลาต่าง ๆ เช่น รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน
- การเข้าชมเว็บไซต์ (Website Traffic) ช่วยวิเคราะห์จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ แหล่งที่มาของการเข้าชม และพฤติกรรมของผู้ใช้
- การจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Management) ช่วยแสดงจำนวนสินค้าที่มีอยู่ในสต๊อก พร้อมทั้งแจ้งเตือนเมื่อสินค้ากำลังจะหมด
- การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า (Customer Insights) แสดงข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า เช่น สินค้าที่ลูกค้าซื้อบ่อย วิธีการชำระเงิน และอื่นๆ
- ข้อมูลการเงิน (Financial Overview) รวมถึงข้อมูลรายได้ กำไร ขาดทุน และค่าใช้จ่าย
- ประสิทธิภาพแคมเปญการตลาด (Marketing Performance) ช่วยวิเคราะห์แคมเปญโฆษณา เช่น ROI (Return on Investment) หรืออัตรา Conversion
- สถิติการตอบแชท สำหรับธุรกิจที่เน้นขายออนไลน์และเน้นแชท ข้อมูลนี้ในแดชบอร์ดจะช่วยให้ดูการทำงานของทีมแอดมิน อัตราการตอบแชท และข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับการแชทได้อย่างง่ายดาย
วิธีการใช้ Dashboard เพื่อเพิ่มยอดขายออนไลน์
ทำความรู้จักกับ Dashboard และข้อดีต่างๆ ไปแล้ว คราวนี้จะต้องใช้งาน Dashboard ยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้กับธุรกิจของคุณได้จริง ในส่วนนี้เรามี 4 กลยุทธ์สำคัญที่ผู้ประกอบการเช่นคุณไม่ควรพลาดมาแนะนำ ซึ่งก็คือ
1. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน
สิ่งสำคัญอันดับแรกก่อนใช้งาน Dashboard คุณควรกำหนดเป้าหมายของธุรกิจของคุณให้ชัดเจน เพื่อจะได้เลือกใช้ระบบ แพลตฟอร์ม หรือดีไซน์รูปแบบแดชบอร์ดของคุณได้อย่างถูกต้อง อาจจะเป็นการเพิ่มยอดขาย 20% ใน 3 เดือน การเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบแชท และปิดการขายผ่านช่องทางแชทใน Social Media และช่องทางอื่นๆ เป็นต้น
2. ติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย
เมื่อกำหนดเป้าหมายได้แล้ว ก็ต้องเลือกดูเฉพาะข้อมูลที่มีความสำคัญต่อเป้าหมาย เช่น หากต้องการเพิ่มยอดขาย ก็ควรติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ Conversion Rate และยอดขายรายวัน หรือหากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบแชทลูกค้า ก็ควรติดตามข้อมูลอัตราการตอบแชทและระยะเวลาในการตอบแชทลูกค้า
3. วิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจออนไลน์และอีคอมเมิร์ซของคุณดำเนินไปต่อได้ก็คือ การใช้ Dashboard วิเคราะห์แนวโน้มและพฤติกรรมของลูกค้า เช่น ช่วงเวลาไหนที่ลูกค้าซื้อของมากที่สุด สินค้าไหนเป็นที่นิยมมากที่สุดในกลุ่มลูกค้า หรือลูกค้ามักจะทักแชทร้านมาจากช่องทางไหน Social Media อย่างเฟสบุ๊ค, ไอจี, ไลน์, TikTok หรือว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopee กับ Lazada เป็นต้น
ทั้งนี้หากคุณให้ขายของออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม แต่ยังต้องเสียเวลาเปิดแอปทีละหลายๆ แอปเพื่อตอบแชทลูกค้าอยู่ ก็สามารถทดลองใช้งาน Zaapi ได้ฟรี เพราะ Zaapi เป็นระบบจัดการแชทคอมเมิร์ซที่รวมแชททุกช่องทางการขาย ทั้งยังมีฟีเจอร์แชทบอท AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแอดมิน
4. ปรับปรุงกลยุทธ์ตามข้อมูล
เมื่อเห็นข้อมูลจาก Dashboard คุณสามารถนำไปปรับใช้ เช่น การจัดโปรโมชั่นในช่วงเวลาที่ขายไม่ค่อยได้ จับคู่สินค้าขายดีและขายไม่ดี หรือเพิ่มสินค้าใหม่ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า เป็นต้น
สรุป
Dashboard (แดชบอร์ด) คือ เครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับผู้ขายของออนไลน์และธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ช่วยให้คุณสามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจในที่เดียวและเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลา มากไปกว่านั้น Dashboard ยังมีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยคุณให้ตัดสินใจเชิงธุรกิจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น และการใช้ Dashboard อย่างมีประสิทธิภาพยังไม่เพียงช่วยเพิ่มยอดขายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าและพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
หากคุณยังไม่ได้เริ่มใช้ Dashboard ในการจัดการธุรกิจออนไลน์ของคุณ ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะเริ่มต้น! หรือหากเป็นธุรกิจที่เน้นแชทและอยากมีแดชบอร์ดที่รวมทุกข้อมูลการตอบแชทลูกค้า ก็สามารถทดลองใช้งาน Zaapi ได้เลย!
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Zaapi
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานฟีเจอร์
สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง
- LINE OA: @zaapi
- Facebook Page: Zaapi Thailand
- Tel: 096-927-1729
Chat, Sell, Scale - The All-in-One Conversation and Commerce Hub