Instagram เป็นมากกว่าแค่ช่องทางสำหรับเชื่อมต่อกับเพื่อนๆ การพูดคุย แชร์รูปภาพในวันหยุด หรือวิดีโอตลกๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ผู้ใช้งานส่วนใหญ่เปิดดูคอนเทนต์ใน Instagram เป็นประจำทุกวันเพื่อหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้ Instagram ติด 1 ใน 5 อันดับแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย และเป็นช่องทางการตลาดอันทรงพลังที่สร้างโอกาสให้กับแบรนด์ได้เติบโตเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาแล้วนับไม่ถ้วน
หากคุณต้องการให้ปั้มยอดผู้ติดตามไอจีของร้านค้าให้เพิ่มขึ้น เป็นที่รู้จักในวงกว้างและสร้างความมีส่วนร่วม (Engagement) ของฐานผู้ติดตาม วันนี้เราอยากมาแชร์เทคนิคการปั้มยอดผู้ติดตามไอจีที่ใช้ได้จริง ไม่ต้องซื้อยอดฟอลก็เพิ่มยอดขายให้ปังได้!
1. การนำเสนอภาพลักษณ์และคุณค่าของแบรนด์ที่ชัดเจน
หากคุณเดินเข้าไปในร้านค้าหนึ่งแล้วไม่รู้ว่าร้านนี้ขายอะไร คุณจะคิดว่าร้านค้านนี้ไม่น่าสนใจเสียเลย หน้าร้านที่ดูสวยงามและดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาแวะชมก็เปรียบเสมือนหน้าฟีตบน Instagram ที่สามารถสื่อถึงตัวตนของเเบรนด์และการจัดวางรูปภาพคอนเทนต์อย่างสวยงามก็ไม่ต่างจากผลิตภัณฑ์ที่อยู่บนชั้นวางสินค้า เมื่อลูกค้ากดเข้ามาที่หน้าโปรไฟล์เราแล้วจะต้องรับรู้และเข้าใจได้ในทันทีว่าเราคือใคร ขายอะไร และเห็นความแตกต่างจากร้านค้าคู่แข่ง ทำให้สนใจในสิ่งที่เราต้องการนำเสนอติดตามร้านค้าและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
2. การเขียน Bio ให้น่าดึงดูด
Bio เป็นเพียงประโยคสั้นๆ ที่ปรากฏอยู่บนหน้าโปรไฟล์ แต่รู้หรือไม่ว่าเพียงไม่กี่ตัวอักษรก็มีผลต่อความสนใจของลูกค้า เพราะมักเป็นจุดแรกที่ลูกค้าพบเห็นเมื่อกดเข้ามาเยี่ยมชมโปรไฟล์ ทำให้เป็นโอกาสที่ดีบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ ด้วยความยาวเพียง 150 ตัวอักษร จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องแน่ใจว่าประโยคสั้นๆ นี้สามารถให้ข้อมูล รู้จักแบรนด์มากเพียงพอ และสร้างความประทับใจให้ลูกค้าใช้เวลาบนหน้าฟีตของเราได้ยาวนานขึ้น เป็นอีกหนึ่งวิธีปั้มยอดผู้ติดตามไอจีได้โดยไม่ต้องเสียเงินเลยแม้แต่น้อย
3. การเขียนแคปชั่นให้ปัง
สำหรับข้อความบรรยายด้านล่างรูปภาพใน Instagram สามารถเขียนได้ยาวสูงสุด 2,200 ตัวอักษร แต่ระบบจะแสดงผลเพียงแค่ 1-2 บรรทัดแรกเท่านั้น จึงควรใส่เนื้อหาสำคัญไว้ด้านหน้าและสรุปใจความให้สั้นกระชับที่สุด นอกจากนี้ อีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยเพิ่ม Mood & Tone ที่เป็นธรรมชาติและแสดงถึงตัวตนของแบรนด์ผ่านการโพสต์ได้ คือ การใส่อิโมจิสัก 3-4 ตัว เพื่อให้เเบรนด์ดูเข้าถึงง่ายและดึงดูดสายตาผู้อ่านให้โฟกัสประโยคสำคัญในแคปชั่น
4. Instagram Reels
Instagram Reels เป็นฟีเจอร์สำหรับการสร้างวิดีโอขนาดสั้นบน Instagram ที่มีความยาวไม่เกิน 15 นาที พร้อมลูกเล่นที่สามารถใส่เอฟเฟ็กต์สำหรับตกแต่งภาพและเสียงได้ เช่น Text สติกเกอร์ GIF ภาพ การตัดต่อวิดีโอ และอีกมากมายโดยจะแสดงผลแบบสาธารณะถือเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ในการปั้มยอดผู้ติดตามไอจีสำหรับแบรนด์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์อย่างมาก เมื่อเทียบกับโพสต์แล้ว Instagram Reels ช่วยเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมได้มากถึง 42% และมีจำนวนการแชร์มากกว่าโพสต์ถึง 4 เท่า จึงเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของคอนเทนต์ที่สร้างความน่าสนใจให้กับแบรนด์ได้
5. Hashtags
Hashtag เป็นการแสดงผลการค้นหาข้อมูลของผู้ใช้งานโดยใช้คำสำคัญในการจัดกลุ่มผลลัพธ์ที่สอดคล้องกัน หากคุณอยากสร้างตัวตนให้เป็นที่รู้จักควรเลือกใช้ Hashtag ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าร่วมกับ Hashtag ที่กำลังเป็นที่นิยม เพื่อเพิ่มโอกาสในการมองเห็นเพราะถึงแม้ผู้ใช้งานจะไม่ได้ติดตาม Instagram ของเราก็สามารถมองเห็นคอนเทนต์ได้เช่นกัน โดยรูปภาพและวีดิโอจะปรากฏในการค้นหาของกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน ยิ่งบวกกับคอนเทนต์ที่น่าดึงดูดก็จะทำให้แบรนด์เราดูโดดเด่นมากกว่าคู่แข่งและเป็นที่รู้จักมากขึ้น การติด Hashtag จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถเพิ่มความนิยมให้ร้านค้าและปั้มยอดผู้ติดตามไอจีได้สำหรับผู้ที่มีงบจำกัด
6. การลงคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ
การลงคอนเทนต์ด้วยความถี่อย่างสม่ำเสมอเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ร้านค้าเป็นที่คุ้นตาของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ช่วยให้ผู้ชมรู้จักแบรนด์และจดจำเราได้ โดยรูปแบบของคอนเทนต์ควรมีความสอดคล้องกันทั้งสี กราฟิก ข้อมูล และองค์ประกอบที่สื่อถึงแบรนด์ได้อย่างชัดเจน เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่ง นำมาซึ่งการสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ติดตาม ทำให้พวกเขาจะรู้ว่าควรคาดหวังอะไรจากแบรนด์ของเราและมีเหตุผลในการติดตาม Instagram เพื่อรับข่าวสารที่พวกเขาสนใจ
7. หาช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงคอนเทนต์
สำหรับเจ้าของแบรนด์ที่มี Business Account บน Instagram สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ติดตามและประสิทธิภาพของบัญชีได้ด้วยเครื่องมือวัดผลเชิงลึกในหน้าโปรไฟล์ได้เลย เพียงคลิกที่มุมบนด้านขวาตรงแถบ 3 เส้น และเลือกเข้าสู่ฟีเจอร์ Instagram Insights เครื่องมือนี้จะแสดงผลค่าดัชนีชี้วัดที่ช่วยให้เราสามารถค้นหาช่วงเวลาที่ลงคอนเทนต์แล้วได้รับผลตอบรับดีที่สุดทั้งยอดไลค์ การมีส่วนร่วมกับแบรนด์และจำนวนผู้ติดตามที่เพิ่มขึ้น
8. Influencer Marketing
ถึงเเม้ว่าการยิงแอดโฆษณาจะช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและรวดเร็ว แต่ในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอยู่ตลอดเวลา การทุ่มงบประมาณไปกับโฆษณาอาจไม่เป็นวิธีปั้มยอดผู้ติดตามไอจีอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ตอบโจทย์เป้าหมายที่วางไว้
Influencer Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้บุคคลมีชื่อเสียงมาช่วยนำเสนอสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้ติดตามเกิดความคล้อยตามและเลือกซื้อสินค้าตามผู้ที่ตนเองชื่นชอบ จากการสำรวจ พบว่า 61% ของลูกค้าไว้วางใจและเชื่อการรีวิวจากอินฟลูเอนเซอร์ จึงทำให้การเข้าไปร่วมพาร์ตเนอร์กับอินฟลูเอนเซอร์สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์และโปรโมทสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แบรนด์ควรเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย โดยอินฟลูเอนเซอร์สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายระดับ ดังนี้
1. Nano Influencer
ผู้ที่มีจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียตั้งแต่ 1,000-10,000 คน เป็นระดับที่เล็กที่สุดและมีจำนวนมากที่สุด มีราคาที่ไม่สูงมากถ้าเทียบกับระดับอื่น ๆ และสามารถจ้าง Influencer ระดับนี้หลายๆ คนพร้อมกันเพื่อกระจายวงกว้างในการทำการตลาด
2. Micro Influencer
ผู้ที่มีจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียตั้งแต่ 10,000-50,000 คน มีความคล้ายคลึงกับ Nano Influencer แต่สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากกว่า
3. Mid-Tier Influencer
ผู้ที่มีจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียตั้งแต่ 50,000-100,000 คน เป็นระดับที่มีเจ้าของแบรนด์ต้องการตัวมากที่สุด เพราะสามารถสร้าง Brand Awareness ได้ดีในระดับหนึ่ง และสร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึงผู้คนได้หลากหลายมากขึ้น
4. Macro Influencer
ผู้ที่มีจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียตั้งแต่ 100,000-1,000,000 คน เป็นระดับที่มีผู้ติดตามเยอะมากในระดับหนึ่ง มีสไตล์ที่ชัดเจน สร้างการรับรู้ได้อย่างดี มีความเป็นมืออาชีพและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจวื้อของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
5. Mega Influencer
ผู้ที่มีจำนวนผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียตั้งแต่ 1,000,000 คนขึ้นไป หรือเรียกว่า “Celebrity” นั่นเอง มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด มักเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงทางสังคม นักแสดง นักกีฬา ดารา เหมาะกับการโปรโมทเพื่อให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ไม่เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย แต่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ระดับที่ต้องใช้งบประมาณสูง เหมาะสำหรับแบรนด์ขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณสำหรับการตลาด
9. Content is ‘King’
หลายคนอาจสงสัยว่าในเมื่อเราทำตามขั้นตอนอย่างละเอียดแล้วแต่ทำไมถึงยังไม่สามารถบรรลุเป้าได้สักที เราอาจจะต้องกลับมามองที่จุดเริ่มต้นกันเสียก่อนว่าคอนเทนต์ที่ได้นำเสนอให้กับกลุ่มเป้าหมายนั้นมีคุณภาพหรือไม่ สื่อถึงความเป็นแบรนด์ได้มากน้อยเพียงใด และตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ การทำคอนเทนต์ที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลทั้งตัวอักษร รูปภาพ และวีดิโอแบบจัดเต็ม ไม่ได้หมายความจะเป็นคอนเทนต์ที่ดีที่สุดเสมอไป แต่ในความหมายของ Content is ‘King’ คือการมีเนื้อหาข้อมูลที่เหมาะสมพอประมาณ สั้น กระชับได้ใจความ เน้นประโยคที่ทำให้คนเข้าใจความหมายได้ในทันทีและตรงกับจุดประสงค์ที่ตั้งใจไว้
ทั้ง 9 เทคนิคทั้งหมดนี้จะช่วยพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทุกคนสามารถปั้มยอดผู้ติดตามไอจีและมียอดขายเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน อีกหนึ่งตัวช่วยในการจัดการแชทสำหรับธุรกิจและร้านค้าออนไลน์นั่น คือ ระบบรวมแชทจาก Zaapi ที่รวมแชทจากทุกช่องทางครอบคลุมทั้งบนโซเชียลมีเดีย และอีคอมเมิร์ซตั้งแต่ Facebook Page, Instagram, LINE OA, Shopee, Lazada และ TikTok Shop พร้อมฟีเจอร์อีกมากมายที่ช่วยให้บริหารงานง่าย ครบจบบนแพลตฟอร์มเดียว
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน คลิกเลย
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Zaapi
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานฟีเจอร์ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง
· LINE OA: @zaapi
· Facebook Page: Zaapi Thailand
· Tel: 096-927-1729
Chat, Sell, Scale - The All-in-One Conversation and Commerce Hub