มาถึงยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้ตัวแม่แห่งวงการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ดังที่สุดในประเทศไทยอย่าง Shopee ซึ่งนอกจากไทยแล้ว ก็ยังมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนาม
แต่ก็อย่างที่ทราบ ว่า Shopee ในปัจจุบันมีคู่แข่งมาขายของจำนวนมาก โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าจากจีน แล้วพ่อค้าแม่ค้าที่ยังมีร้านแค่เล็ก ๆ จะทำอย่างไร? ควรปรับตัวไปขายที่อื่น หรือสู้ต่อ? ในบล็อกนี้จะมาไล่เรียงให้ดูนะคะ ว่า ถึงแม้จะมีคู่แข่งมาก แต่ Shopee ก็ยังเป็นแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ที่น่าใช้เป็นที่สุดค่ะ
Shopee ใช้งานง่าย
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ Shopee ประสบความสำเร็จคือ ตัวหน้าตาแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย และความหลากหลายของสินค้า มีทุกอย่างเท่าที่จะหาได้ พูดกันง่ายๆ เหมือนไปเดินเลือกช้อปจากตลาดปัฐวิกรณ์เลยค่ะ แฟชั่น อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ในบ้าน ไปจนถึงสินค้าความงาม สุขภาพ และไลฟ์สไตล์
Shopee เช็คพัสดุได้ มีระบบขนส่ง
Shopee ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ขายของและซื้อของออนไลน์มาก ผ่านการอำนวยความสะดวกด้านการจัดส่ง ด้วยการพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการขนส่งตั้งแต่ไปรษณีย์ไทย, เคอรี่, ไปจนถึง Flash Express รวมถึงการส่งคืนสินค้าและคืนเงินที่ไม่ซับซ้อนเกินไป และสุดท้ายคือ.. มีตัวเลือกการชำระเงินที่ปลอดภัย สามารถตัดบัตรเครดิตได้ หรือจะจ่ายเงินออนไลน์ผ่าน Mobile Banking ก็ได้
อันนี้แอดมินชอบมากค่ะ เพราะระบบจ่ายเงินไวมากจริงๆ เช่น ถ้าจะจ่ายผ่านธนาคารกสิกรไทย ระบบก็จะดึงเข้าแอป K Plus ให้เลยทันที
Shopee ช่วยทำแคมเปญการตลาดและโฆษณา
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Shopee ได้รับความนิยมคือ เป็นที่ที่เหมาะให้ธุรกิจขนาดเล็กและ SMEs ขายสินค้าออนไลน์มาก ๆ มีฟีเจอร์เครื่องไม้เครื่องมือช่วยบริหารหลังบ้านและมีทีมงานสนับสนุนด้านการตลาด การโฆษณา และยังมีข้อมูลอบรมให้ผู้ขายขายของเป็นได้ง่ายขึ้น เรียกว่ามือใหม่ก็ร้านใหญ่ได้ในเร็ววันค่ะ
นอกเหนือจากนี้ Shopee ก็ยังจัดกิจกรรมและโปรโมชั่นบ่อยมาก ๆ เช่น 11.11, 12.12 กระตุ้นให้ร้านค้ามีแรงใจในการขาย เพราะรู้ว่าลูกค้าจะเยอะมาก
ในปี 2023 นี้ หลังจากการระบาดของโควิดเบาลง หลายคนก็คงคิดจะกลับมาเปิดหน้าร้านใหม่ และลดความจำเป็นของร้านค้าออนไลน์ลงไป แต่แอดมินขอแนะนำว่า ให้ทำควบคู่กันไปเถอะค่ะ เพราะชุมชนเราติดการใช้ชีวิตแบบนอนจับจ่ายซื้อของออนไลน์ไปแล้ว
ทำไมถึงควรขายของออนไลน์ใน Shopee ควบคู่ไปกับหน้าร้าน?
1. ต้นทุนตำ่กว่า
ไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดูแลหน้าร้าน เช่น ค่าสาธารณูปโภค การทำความสะอาด ค่าพนักงาน นำค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปทำการตลาดออนไลน์แทน จะได้ผลที่มากกว่า
2. เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
ผู้คนทั่วโลกสามารถเห็นสินค้าของคุณได้ ค้นหาได้ง่าย หน้าตาแคตตาล็อกมีระเบียบ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายและรายได้ และยังพูดคุยกับลูกค้าได้อย่างเข้าถึงผ่าน inbox
ดึงแชทจากทุกช่องทางการขายมาไว้ใน Zaapi เพื่อการคุยกับลูกค้าที่ง่ายขึ้น
3. ความสะดวกสบาย
การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกทั้งผู้ขายและลูกค้า เกิดขายซื้อขายได้ทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าจากบ้านของตนเองได้อย่างสะดวกสบาย ผู้ขายก็นอนขายได้เช่นกันค่ะ (ฮา)
4. ระบบอัตโนมัติ
การขายของออนไลน์ช่วยทุ่นแรงหลายอย่าง ถ้าเลือกแพลตฟอร์มหรือโปรแกรมช่วยบริหารที่ดี เช่น การจัดการสินค้าคงคลังและการดำเนินการตามคำสั่งซื้อ ช่วยประหยัดเวลาและเงิน และช่วยให้มีเวลาไปทำอย่างอื่น
ประโยชน์ทั้งหมดนี้ทำให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการขายของออนไลน์ และแน่นอนว่าทั้ง Shopee และ Zaapi มีครบทั้งคู่ โดย Zaapi มาช่วยปิดจุดรั่วที่อาจเกืดขึ้นจากการขายของบนแพลตฟอร์มและโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็คือเรื่องของการคุยกับลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะหากตอบช้า ลูกค้าก็หาย หรือบางทีลูกค้าเยอะ เราก็ตกหล่นเอง Zaapi มาช่วยรวบรวมแชทและจัดการให้เป็นหมวดหมู่ พร้อมสำหรับการติดตามสถานะค่ะ ดังนั้น ใช้คู่กันไปจะดีมาก ขายของใน Shopee และตอบลูกค้าผ่าน Zaapi
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Zaapi
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานฟีเจอร์ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง
- LINE OA: @zaapi
- Facebook Page: Zaapi Thailand
- Tel: 096-927-1729
Chat, Sell, Scale - The All-in-One Conversation and Commerce Hub