Social Commerce คือเครื่องมือในการทำการตลาดและเพิ่มยอดขายให้ร้านชั้นเยี่ยม แต่ว่าการค้าขายผ่าน Social Commere หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียก็มีการแข่งขันสูงเหมือนกัน ดังนั้นจะทำยังไงให้เอาชนะการแข่งขันนี้ไปได้และทำให้ร้านของคุณยืนหนึ่งในใจลูกค้า
ดู 8 เทคนิคที่เรารวบรวมมาฝากกันในบทความนี้ รับรองคุณจะค้าขายออนไลน์บนโซเชียลแล้วรุ่งในปี 2024 นี้แน่นอน!
1. ทำความรู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมายก่อน
ถ้าอยากให้การทำ Social Commerce ไปได้สวย ก็ต้องเริ่มจากการวางแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แม้ว่าการทำความรู้จักและทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาสักนิด แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับจำนวนลูกค้าและยอดขายที่จะได้แน่นอน
เมื่อรู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแล้ว คุณก็จะวางแผนแคมเปญการตลาดและเทคนิคการขายของได้สอดคล้องมากยิ่งขึ้น แทนที่จะใช้เทคนิคเดียวกับการขายของออนไลน์หน้าเว็บ สำหรับการทำ Social Commerce แล้ว คุณจะต้องปรับการตลาดและแคมเปญให้เจาะลึกและตรงกับกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่คาดหวัง เพราะกลุ่มเป้าหมายในแต่ละแพลตฟอร์มจะแตกต่างกันออกไป เช่น กลุ่มเป้าหมายใน Facebook ก็อาจจะแตกต่างกับกลุ่มเป้าหมายใน TikTok เป็นต้น
ข้อดีคือในส่วนนี้คุณสามารถใช้เครื่องมือข้อมูลเชิงลึก (Insights) ของแต่ละแพลตฟอร์มล้วงข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายได้ โดยคุณจะรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร เพศไหน อายุเท่าไหร่ และอยู่ที่ไหน เป็นต้น ถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและช่วยให้คุณเริ่มต้นการขายของผ่านโซเชียลได้อย่างถูกต้อง
2. เลือกแพลตฟอร์มโซเชียลที่ใช่
ไม่ใช่ว่าทุกแพลตฟอร์มโซเชียลจะเหมาะสำหรับการขายออนไลน์ แต่ก็มีแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการทำ Social Commerce อยู่ไม่น้อย เช่น Instagram ก็ถือเป็นแพลตฟอร์มแห่งการค้นพบสินค้าของลูกค้า เป็นที่ที่ร้านค้าออนไลน์สามารถโปรโมทสินค้าได้หลากหลายรูปแบบผ่านสตอรี่, โพสต์, รูปภาพ และวิดีโอ แถมลูกค้ายังค้นพบร้านได้ตั้งแต่ขั้นตอนการค้นหาแรงบันดาลใจ การหาข้อมูลสินค้า ไปจนถึงขั้นตอนการซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย
เพราะฉะนั้นดูว่าโซเชียลมีเดียอันไหนที่ลูกค้าปฏิสัมพันธ์กับร้านของคุณมากที่สุด จากนั้นก็เลือกมาสัก 2 - 3 แพลตฟอร์มเพื่อขายสินค้า แล้วคุณจะตั้งเป้าหมายการทำ Social Commerce และประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
3. ใช้ฟีเจอร์ไลฟ์ให้เกิดประโยชน์
ถือว่าแทบทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีฟีเจอร์ไลฟ์กันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Facebook, IG, TikTok ฯลฯ ร้านและแบรนด์ก็สามารถไลฟ์ขายของหรือพูดคุยกับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย เพราะเวลาที่ร้านหรือแบรนด์ไลฟ์บนโซเชียลมีเดีย กลุ่มแฟนเพจหรือว่าลูกค้าสามารถเข้ามามีส่วนร่วมพูดคุย รับชมสินค้า และสอบถามเกี่ยวกับสินค้าได้แบบเรียลไทม์
ตัวอย่างเช่น Facebook Live ทางร้านก็สามารถเปิดใช้งาน Live Shopping ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้จากไลฟ์ได้เลยทันที ถือเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยซัพพอร์ตการขายของออนไลน์ผ่านโซเชียลที่ดีมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าลูกค้ามักจะซื้อสินค้าจากไลฟ์ของร้านหรือแบรนด์ที่พวกเขาติดตาม นั่นหมายความว่าหากคุณมีฐานแฟนเพจและผู้ติดตามพอประมาณแล้ว โอกาสที่คุณจะขายผ่านโซเชียลก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
4. ทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์
ข้อดีของการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์เพื่อโปรโมทแบรนด์และขายสินค้านั้นมีหลายข้อมาก ๆ แถมยังมีหลายแบรนด์คอนเฟิร์มว่าการใช้อินฟลูเอนเซอร์ในแคมเปญโปรโมทสินค้าสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI : Return on Investment) ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังดีกว่าการโปรโมทสินค้าช่องทางอื่น ๆ ด้วยซ้ำ
มากไปกว่านั้นการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ยังมีข้อดีกับการทำ Social Commerce มากถึง 3 ข้อด้วยกันคือ
- สร้างความน่าเชื่อถือและสร้างชื่อเสียงดี ๆ ให้กับแบรนด์และร้านผ่านอินฟลูเอนเซอร์
- นำเสนอความแปลกใหม่และความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์ผ่านรูปแบบการโปรโมทสินค้าใหม่ ๆ ของอินฟลูเอนเซอร์แต่ละคน
- เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายขึ้นผ่านอินฟลูเอนเซอร์ที่พวกเขาติดตาม
เห็นไหมล่ะว่าการร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์มีแต่ผลดีกับแบรนด์ของคุณ แถมยังทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก ช่วยสร้าง Brand Awareness อย่างได้ผลด้วย แต่ก่อนจะเลือกร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ต้องเช็คกลุ่มผู้ติดตามให้แน่ใจก่อนว่าเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คุณหรือไม่ เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเสียงบไปกับการโปรโมทสินค้าเปล่า ๆ
5. กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อของผ่าน Live Shopping
ในช่วงที่โควิดระบาด Live Shopping ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะการที่ร้านไลฟ์ขายของหรือพาลูกค้าเดินชมสินค้าในร้านก็เปรียบเหมือนว่าลูกค้าได้มาเลือกของเองที่ร้านและช้อปปิ้งแบบเรียลไทม์ และที่เจ๋งกว่านั้น ลูกค้าสามารถถามคำถาม เยี่ยมชมสินค้าใหม่ของร้าน หรือแม้กระทั่งสั่งซื้อสินค้าผ่านไลฟ์ได้เลย
Live Shopping คือวิธีที่สามารถกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าผ่าน Social Commerce ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งคุณยังสามารถใช้เทคนิคนี้กระตุ้นยอดขายและโปรโมทสินค้าลดราคาของร้านได้ด้วย ไม่ว่าจะไลฟ์บน Facebook, IG, TikTok หรือว่าแพลตฟอร์มไหน Live Shopping จะช่วยให้คุณโต้ตอบกับลูกค้าและกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายง่ายขึ้น
6. โพสต์โปรโมทโปรโมชั่นเป็นประจำ
ทุกครั้งที่มีโปรโมชั่น คุณจะต้องโพสต์โปรโมทให้ลูกค้ารับรู้ แล้วก็ต้องรู้วิธีนำเสนอสินค้าบนโลกโซเชียลเพื่อให้สินค้าดูน่าซื้อมากยิ่งขึ้น โดยวิธีที่จะช่วยให้สินค้าดูน่าสนใจก็มีทั้งการถ่ายวิดีโอช็อต Close-up สาธิตการใช้งานสินค้า และแกะกล่องสินค้า เป็นต้น
อย่าลืมใส่ลิงก์ซื้อสินค้าในแต่ละโพสต์โปรโมชั่นด้วยเพื่อให้ลูกค้ากดซื้อได้ทันทีที่ต้องการ แล้วการใส่ลิงก์สินค้ายังมีข้อดีอีก ได้แก่
- ช่วยสร้าง Brand Awareness ให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น
- ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วยสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด
- ช่วยให้ขั้นตอนการซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถคลิกซื้อได้ทันที
แนะนำให้ลองสังเกตแบรนด์อื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยว่าแต่ละแบรนด์มีวิธีการโพสต์นำเสนอโปรโมชั่น จะได้ใช้เป็นไอเดียการโปรโมทโปรโมชั่นของร้านได้ด้วย
7. ตอบลูกค้าอย่างกระตือรือร้น
ใส่ใจทุกคำถามของลูกค้าและตอบคำถามหรือคอมเมนต์ด้วยความกระตือรือร้น เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงความใส่ใจ คุณจะได้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น และถ้าหากลูกค้าถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม แทนที่จะตอบคำถามเฉย ๆ ก็ลองเปรย ๆ ข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ เช่น
- แนะนำสินค้า
- แชร์ลิงก์สินค้าให้ลูกค้าสามารถกดซื้อได้ทันที
- แจกส่วนลดหรือโปรโมโค้ดเพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกอยากซื้อสินค้ามากขึ้น
นอกจากนี้คุณยังสามารถสะท้อนตัวตนร้านได้ง่าย ๆ ผ่านการตอบคำถามลูกค้าด้วย เป็นวิธีที่คุณจะสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าได้ด้วย เพราะฉะนั้นเทคนิค Social Commerce ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างจึงเป็นการใส่ใจในการตอบคำถามของลูกค้า ตลอดถึงการรู้วิธีสอดแทรกข้อมูลเพื่อให้เกิดการซื้อขายนั่นเอง
ตอบลูกค้าเร็วขึ้น โดยโปรแกรมแชท Zaapi มาพร้อมระบบแจ้งเตือนเรียลไทม์และระบบจัดการแชท
8. ใช้ Social Proof
Social Proof คือสิ่งที่จะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของร้านและเป็นเหมือนอีกหนึ่งเสียงที่ช่วยการันตีคุณภาพสินค้า เพราะลูกค้ามักจะเชื่อในสิ่งที่เพื่อน ญาติ อินฟลูเอนเซอร์ หรือคนที่เป็นลูกค้าด้วยกันเอง ดังนั้นหากคุณมีคำบอกเล่า รีวิว หรือว่าฟีดแบ็คดี ๆ จากลูกค้า ก็สามารถใช้เป็น Socialo Proof ได้
สำหรับการใช้ Social Proof นั้นสามารถใช้ได้ทั้งคำพูด รูปภาพ และวิดีโอ แชร์สิ่งที่ลูกค้าพูดถึงสินค้าของเราแล้วก็ขอบคุณลูกค้า วิธีนี้นอกจากจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้แล้วยังเพิ่มแนวโน้มที่ลูกค้าจะแชร์ฟีดแบ็คดี ๆ เกี่ยวกับสินค้าของคุณอีกต่างหาก
พร้อมแล้วลุย Social Commerce ได้เลย!
รู้ทั้ง 8 เทคนิค Social Commerce ไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาลุย! ลองใช้เทคนิคเหล่านี้แล้วคุณจะขายของออนไลน์ผ่านโลกโซเชียลได้ปังยิ่งขึ้น แค่เลือกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมาสักอันก็เริ่มได้เลย! ถ้าไปได้สวยก็ค่อยขยับขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น อาจจะเริ่มจาก Facebook แล้วค่อยขยับขยายไปยัง IG และ TikTok ก็ได้ อย่าลืมว่ายุคนี้การขายของผ่านโซเชียลสำคัญมาก ๆ เพราะลูกค้ามีอยู่ทุกที่ เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาลงมือทำแล้ว! หรือถ้าอยากทำความเข้าใจ Social Commerce เพิ่ม ก็คลิกที่ปุ่มด้านล่างได้เลย!
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Social Commerce
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Zaapi
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานฟีเจอร์ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง
- LINE OA: @zaapi
- Facebook Page: Zaapi Thailand
- Tel: 096-927-1729
Chat, Sell, Scale - The All-in-One Conversation and Commerce Hub