ปีใหม่มาถึงแล้ว และนั่นหมายถึงเทรนด์การตลาดใหม่ ๆ กำลังจะเกิดขึ้นกับธุรกิจและแบรนด์ต่าง ๆ ในปี 2024 การปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้ทันต่อตลาดอยู่เสมอจะเป็นกุญแจสำคัญเพื่อให้แบรนด์สามารถเชื่อมกับผู้บริโภคและขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ในบทความนี้ เราจะสรุปแนวโน้มการตลาดที่น่าจับตามองในปี 2024 ตามข้อมูลเชิงลึก และการคาดการณ์ล่าสุดของอุตสาหกรรมเพื่อให้คุณสำหรับการปรับตัวและเริ่มต้นเทรนด์ได้เหมาะสม และต่อไปนี้คือ 7 เทรนด์การตลาดทื่น่าจับตามองสำหรับปี 2024 นี้:
1. Voice Search Optimization
แบรนด์ต่าง ๆ อาจคุ้นเคยกับ Search Engine Optimization และเริ่มนำไปใช้กันแล้ว การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาด้วยเสียง (VSO) มีความคล้ายคลึงกันกับ SEO เนื่องจากเป็นกระบวนการทำให้หน้าเว็บไซต์ของคุณมองเห็นได้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้ที่ทำการค้นหาด้วยเสียงจะค้นพบหน้าเหล่านั้นได้ง่ายยิ่งขึ้น เป็นการทำให้มั่นใจว่าผู้ใช้การค้นหาด้วยเสียงจะพบเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหา
จากสถิติในของ Demand Sage ปี 2023 พบว่ามีการค้นหาด้วยเสียง 1 พันล้านครั้งทุกเดือน และในปี 2024 การค้นหาด้วยเสียงจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งคุณเริ่ม VSO เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น นี่คือสิ่งที่คุณสามารถทำได้:
1. ใช้ภาษาแบบสนทนา: เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณสำหรับการค้นหาด้วยภาษาธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงการใช้วลี คำ หรือโครงสร้างประโยคที่เป็นธรรมชาติที่ผู้คนจะพูดและถามคำถามผ่านการค้นหาด้วยเสียงแทนที่จะใช้ Keyword แบบเดิม ๆ ให้มุ่งเป้าไปที่ข้อความค้นหาที่ทำงานแบบวลีที่ยาวขึ้น ตัวอย่างเช่น แทนที่จะกำหนดเป้าหมายไปที่ "ของเล่นสุนัข" ให้กำหนดเป้าหมายวลีเช่น "ของเล่นสุนัขที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่"
2. เน้นที่ตัวอย่างข้อมูลแนะนำ (Featured Snippets): ตัวอย่างข้อมูลแนะนำคือข้อมูลสรุปแบบกล่องที่ปรากฏที่ด้านบนของผลการค้นหาของ Google โดยจะทำหน้าที่ให้คำตอบโดยตรงสำหรับคำค้นหาโดยดึงข้อมูลสั้น ๆ จากหน้าเว็บเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับ Featured Snippets สร้างหัวข้อและคำอธิบายที่เปิดด้วยเนื้อหาถาม & ตอบโดยใช้คำถามที่พบบ่อย กำหนดเป้าหมายคำหลักหางยาว และตอบคำถามที่ผู้ค้นหาถามเกี่ยวกับธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณ
3. ปรับปรุงความเร็วของหน้าเพจ: สำหรับการค้นหาด้วยเสียง ความเร็วของหน้าเพจเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับ การค้นหาด้วยเสียงได้รับผลกระทบในทางลบจากหน้าที่โหลดช้า ในการปรับปรุงความเร็วเพจสำหรับการค้นหาด้วยเสียง สามารถใช้การบีบอัดรูปภาพ เช่น รูปแบบ WebP, ย่อสคริปต์ HTTP ให้เหลือน้อยที่สุด, เปิดใช้งานการแคช, ใช้ CDN (content delivery network) และทำการทดสอบและเพิ่มประสิทธิภาพของเพจเป็นประจำ
4. เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการค้นหาใน Local Search: เพื่อปรับปรุงการแสดงผลการค้นหาใน Local Search สำหรับธุรกิจท้องถิ่น ทำได้โดยการอัปเดตข้อมูลธุรกิจของคุณบน Google My Business ด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้อง และเป็นปัจจุบัน, เพิ่มข้อมูลที่เกี่ยวกับย่านที่ตั้งของธุรกิจ พยายามหารีวิวเชิงบวก กำหนดเป้าหมายคำหลัก SEO ในย่านที่ตั้งของธุรกิจ และทำให้ที่ตั้งธุรกิจของคุณเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ใช้มือถือ
5.อนาคตของ SEO กับ การค้นหาด้วยเสียง Long Tail Keyword: “ในยุคดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว การค้นหาด้วยเสียงและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นการทำ SEO ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญ
การใช้ Long Tail Keyword เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ SEO เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มการค้นหาด้วยเสียง เนื่องจากคำค้นหาที่เฉพาะเจาะจงและตรงเป้าหมายสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหา เมื่อคุณเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาด้วยคำที่สอดคล้องกับคำถามหรือความต้องการของผู้ใช้ คุณจะสามารถดึงดูดผู้ชมที่มีคุณภาพและตรงเป้าหมายมากขึ้น นำไปสู่การเพิ่ม Traffic ที่เหมาะสมให้กับเว็บไซต์ของคุณ
การใช้พลังของ Long Tail Keyword จะช่วยยกระดับกลยุทธ์ SEO และช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นในยุคของการค้นหาด้วยเสียงและ SEO
หากสนใจเรื่อง การทำ SEO หรือ Voice Search ติดต่อ https://www.augmentdigital.io/th/#contactUs
2. AI for Marketing
ในปี 2024 ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะมีอิทธิพลต่อเครื่องมือและกลยุทธ์ทางการตลาด นักการตลาดจะได้ใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อเพิ่มความเฉพาะตัวของสื่อ การเขียนคอนเทนต์ และสร้างยอด Engagement กับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แบรนด์จำเป็นต้องใช้ AI อย่างรอบคอบ และคงไว้ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ รายงานโดย McKinsey and Company ระบุว่าการนำ AI มาใช้ในด้านการตลาดมีการเติบโตที่ ในอัตรา 186% เมื่อเทียบปีต่อปี และคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 107.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2571 และต่อไปนี้คือการใช้งาน AI ในด้านการตลาดที่คุณสามารถนำมาใช้ได้:
- การวิเคราะห์ข้อมูลและข้อมูลเชิงลึก: การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เพื่อคาดการณ์แนวโน้มและพฤติกรรมของลูกค้า และการแบ่งกลุ่มลูกค้าเพื่อปรับแต่งแคมเปญตามลักษณะผู้ชม
- สร้างเนื้อหาเฉพาะตัว (Personalized Content): การปรับแต่งเนื้อหาโดยสามารถแนะนำเนื้อหาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายโฆษณาไปยังผู้ชมที่เฉพาะเจาะจง
- แชทบอทและผู้ช่วยเสมือน: ให้การตอบกลับทันทีและการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันด้วยข้อมูลที่ธุรกิจใส่ไว้
- การจัดการโซเชียลมีเดีย: การกำหนดเวลาเนื้อหาและปรับเวลาการโพสต์ให้เหมาะสมเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด รวมถึงการวิเคราะห์ความรู้สึกของผู้ชมเพื่อการปรับเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์
- การสร้างภาพอัตโนมัติ: AI สามารถวิเคราะห์รูปภาพและวิดีโอเพื่อทำความเข้าใจความต้องการของผู้ชมรวมไปถึงสร้างงานออกแบบที่สร้างสรรค์สำหรับสื่อทางการตลาดโดยอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร
ตัวอย่างเครื่องมือ AI สำหรับการตลาด:
3. Influencer Marketing
ปัจจุบันการเลือกซื้อสินค้าและบริการ ผู้บริโภคแสวงหามากกว่าการโปรโมทผลิตภัณฑ์จากดารา นักแสดงเท่านั้น พวกเขาต้องการความสัมพันธ์ที่แท้จริงและจริงใจกับผลิตภัณฑ์เหล่านั้น จึงทำให้เหล่าอินฟลูฯ ที่เน้นการนำเสนอไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์ความต้องการนี้ จากข้อมูลของ Forbes พบว่าการตลาดโดยใช้อินฟลูฯ กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้การตลาดแบบอินฟลูฯ ทำกำไรได้มาก
กุญแจสำคัญของการตลาดในรูปแบบนี้ คือ การหาผู้มีอินฟลูฯ ที่ได้รับความนิยม ชื่มชม และมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ จากนั้นจึงเป็นการร่วมมือกับแบรนด์เพื่อสร้างความสัมพันธ์และการโปรโมทที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย โดยอ้างอิงจากรายงานโดย Morning Consult พบว่าการจะหาอินฟลูฯ ให้เหมาะกับแบรนด์นั้นควรมองไปให้ลึกกว่าเพียงแค่อินฟลูฯ ชื่อดังที่แมสมาก ๆ แต่อาจมองไปที่อินฟลูฯ ที่กำลังได้รับความนิยมแบบเฉพาะกลุ่มหรือที่ในวงการการตลาดเรียกกันว่า Micro / Nana Influencer
มาลองดูวิธีการในการใช้การตลาดแบบอินฟลูฯ ให้เกิดประสิทธิภาพกัน
- กำหนดเป้าหมายทางการตลาดและกลุ่มเป้าหมายหลักโดยควรเริ่มจากการกำหนดว่าเราต้องการที่จะประสบความสำเร็จในด้านไหนและกับใคร จากการทำการตลาดผ่านอินโฟในครั้งนี้และจึงกำหนดกลยุทธ์
- การค้นหาอินฟลูฯที่มีความเฉพาะตัว ที่เหมาะสมกับตลาดและผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เป็นการสรรหาตัวอินฟลูฯ ที่มีความเฉพาะตัว มีผู้ติดตามที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ และมีการทำคอนเทนท์ที่แนวทางไปทางเดียวกันกับเป้าหมายที่แบรนด์ต้องการสื่อสาร
- ตั้งเกณฑ์ที่ชัดเจนในการวัดผลควรมีการตั้งเป้าหมายไม่ว่าจะเป็น จำนวนผู้ชมที่ต้องการเข้าถึง, รูปแบบของคอนเทนต์, ช่วงเวลาที่ต้องการให้เผยแพร่ รวมไปถึงอัตราค่าจ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ควรเปิดโอกาสให้เหล่าอินฟลูฯ สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแต่ยังคงไว้ซึ่งความเหมาะสมของแบรนด์
- ติดตามผลเพื่อให้สามารถนำผลมาวิเคราะห์ได้ เช่น การใช้ UTM หรือลิงค์ในการกดสินค้าพิเศษเพื่อติดตามว่าออเดอร์ดังกล่าวมาจากแคมเปญไหน เป็นต้น
- ทบทวนและปรับปรุงโดยนำผลการตลาดมาวิเคราะห์ หากแคมเปญไหนที่สร้างรายได้ควรมีการเพิ่มงบประมาณและทำต่อ แต่หากแคมเปญที่ไม่สร้างรายได้ควรที่จะพักและปรับปรุงก่อน
4. Social Media and Chat Commerce
โซเชียลมีเดียจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 5.7% เมื่อเทียบกับปี 2023 ตามรายงานของ Oberlo เนื้อหาประเภทข้อความและประเภทวิดีโอมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะผู้ใช้งานต้องการข้อมูลที่ย่อยได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งการใช้งานโซเชียลมีเดียจะมีการค้นหาข้อมูลมากขึ้น บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook หรือ TikTok ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลได้มากขึ้น รวมไปถึงเปิดให้มีการซื้อ-ขายสินค้า และบริการได้ทันทีบนแอป และสามารถสอบถามรายละเอียดได้จากแชทโดยไม่ต้องออกจากแอป สิ่งนี้จึงกระตุ้นให้การสร้างประสบการณ์การซื้อของลูกค้าแบบไร้รอยต่อบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมไปถึงการขายผ่านการแชทสำคัญมาก ยิ่งแบรนด์ไหนที่สามารถสร้างการทำงานแบบไร้รอยต่อแบบนี้ได้ก็ยิ่งสร้างโอกาสในการขายได้มากขึ้น
นอกจากนี้ การวัดผลโดยใช้ยอดของการแชร์และการเข้าถึงข้อความ (Direct Message) จะมีความสำคัญมากขึ้นมากยิ่งกว่ายอดไลก์ หรือยอดติดตามเนื่องจากการแชร์และข้อความนั้นบ่งบอกถึงยอดเอ็นเกจเม้นท์ที่แท้จริงในขณะที่ยอด ติดตามและยอดไลก์นั้นสามารถสร้างขึ้นมาได้ ด้วยการแสดงหน้าฟีดแบบอัลกอริทึมใหม่ ยอดแชร์จะมีผลต่อการเข้าถึงได้มากขึ้นอีกด้วย
💡 การใช้เครื่องมือในการรวมแชทจากโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซอย่าง Zaapi สามารถทำให้คุณสร้างการทำงานที่ง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากสามารถตอบข้อความของลูกค้าจากทุกแพลตฟอร์มใน Zaapi พร้อมด้วยฟังก์ชันไม่ว่าจะเป็นจัดกลุ่มแชทผ่านการติดแท็ก การสร้างฟิลเตอร์ ทำให้การติดตามการขายนั้นง่ายขึ้น การใช้ Quick Reply ทำให้ตอบกลับข้อความได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงความสามารถในการมอบหมายให้แอดมินตอบแชท ซึ่งสร้างการทำงานที่เป็นระบบ ด้วยเครื่องมือที่ทรงพลังของ Zaapi ที่ยังสามารถสร้างออเดอร์และเรียกเก็บเงินทันทีบนแชทจะสามารถทำให้แบรนด์สามารถให้บริการลูกค้าตอบข้อซักถามรวมไปถึงปิดการขายได้ทันทีผ่านแชทอย่างมีประสิทธิภาพที่จะส่งผลให้ยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
5. Data Privacy
คนในปัจจุบันให้ความสำคัญต่อเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลมากยิ่งขึ้น โดยจากการสำรวจของ PwC พบว่า 83% ของผู้บริโภคต้องการการปกป้องความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพื่อเป็นการตอบสนองต่อเทรนด์ดังกล่าว นักการตลาดควรให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับต้น ๆ ในปี 2024
ตัวอย่างในการสร้างความน่าเชื่อถือด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ได้แก่ การสื่อสารแนวทางปฏิบัติด้านข้อมูลของลูกค้าอย่างโปร่งใส การขอความยินยอมอย่างชัดเจนก่อนที่จะรวบรวมข้อมูล และการตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลได้รับการจัดการอย่างปลอดภัย การใช้แนวทางที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างความไว้วางใจของลูกค้า แบรนด์ที่ให้ลูกค้าควบคุมข้อมูลที่ต้องเผยแพร่ได้มากจะสร้างความอุ่นใจสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้
6. Purpose-Driven Marketing
การตลาดแบบใส่ใจ (Purpose-Driven Marketing) เป็นการสื่อสารและนำเสนอค่านิยมและเป้าหมายสูงสุดของแบรนด์ที่มากกว่าผลกำไร หรือยอดขาย โดยอ้างอิงจากรายงานของ Zeno Group พบว่าลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้าและบริการจากแบรนด์ที่นำเสนอความใส่ใจและเป้าหมายทางสังคมมากกว่าแบรนด์ที่ไม่มีในอัตรา 4-6 เท่า
การทำการตลาดแบบใส่ใจเน้นไปที่การบอกถึงเป้าหมายหลักของแบรนด์ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสังคม ชุมชน หรือสิ่งแวดล้อม โดยมีวิธีการที่จะทำให้แบรนด์ของคุณเริ่มต้นการทำการตลาดแบบใส่ใจได้ดังนี้
- การสื่อสารถึงวัตถุประสงค์ของแบรนด์อย่างสม่ำเสมอผ่านช่องทางและแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ความสม่ำเสมอนี้จะสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้ามากขึ้น
- นำเสนอความพยายามในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก เช่น กิจกรรมเพื่อความยั่งยืน การให้ความรู้พนักงานเชิงจริยธรรม และการสนับสนุนทางการกุศลเป็นต้น
- ทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าเกี่ยวเนื่องกับเป้าหมายด้านการใส่ใจของแบรนด์ เช่น แสดงให้เห็นว่าตัวบรรจุภัณฑ์เป็นแบบรีไซเคิล
- เลือกทำการตลาดกับอินฟลูฯ ที่มีค่านิยมเดียวกับที่แบรนด์พยายามนำเสนอ
- ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ลูกค้ามากกว่าการแค่การขายแบบยัดเยียด (Hard Sales)
7. Video Marketing
การตลาดผ่านวิดีโอ (Video Marketing) เป็นกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ใช้เนื้อหาวิดีโอที่น่าสนใจเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแบรนด์ โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดและรักษาความสนใจของกลุ่มเป้าหมายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ โดยอ้างอิงการวิจัยของ Wyzowl พบว่า 92% ของผู้ทำการตลาดวิดีโอระบุว่าเนื้อหาวิดีโอให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่เป็นบวก และต่อไปนี้คือแนวโน้มใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในการตลาดผ่านวิดีโอในปี 2024:
- เน้นวิดีโอสั้นและจับใจ:คนในปัจจุบันสนใจวิดีโอที่น่าดึงดูด เนื้อหาไม่ยืดยาว มีความกระชับ เช่น สตอรี่ หรือ รีลส์ บนอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และติ๊กต๊อก เป็นต้น
- เกมมิฟิเคชัน:เป็นการทำให้คอนเทนต์ของสามารถมีส่วนร่วมได้จากผู้ชมเสมือนการทำให้เป็นเกม โดยการใช้รูปแบบ กล่องคำถาม โพลล์ หรืออื่น ๆ โดย Bazaar Voice มีการเสริมว่าเกมมิฟิเคชันเป็นการทำให้ผู้ชมมีความสนใจเนื้อหาและโฟกัสกับวิดีโอของเรามาขึ้น
- วิดีโอแนวตั้ง:เนื่องจากในปัจจุบัน คนบริโภคสื่อผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก การทำคอนเทนต์วิดีโอแนวตั้งจะทำให้การรับชมมีคุณภาพและน่าสนใจมากกว่าแนวนอน
- คอนเทนต์จากผู้ใช้จริงกำลังมาแรง:การเน้นให้เกิดการรีวิวผลิตภัณฑ์จากผู้ใช้จริงจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อแบรนด์ เนื่องจากคอนเทนต์จากผู้ใช้จริงจะสร้างความน่าเชื่อถือ และมีความน่าสนใจในสายตาผู้บริโภคอย่างมาก
- การทำ SEO สำหรับวิดีโอ:การปรับแต่งให้วิดีโอของแบรนด์ง่ายต่อการเข้าถึงผ่านการค้นหามีความสำคัญมาก เช่น การใส่คีย์เวิร์ดในแคปชั่นให้ตรงกับผู้ชมเป้าหมาย การทำปกวิดีโอให้น่าสนใจ และใส่ข้อความอธิบายวิดีโอ ซึ่งล้วนช่วยให้วิดีโอนั้นถูกเข้าถึงได้มากขึ้นนั่นเอง
โดยสรุป เมื่อเราเข้าสู่ปี 2024 การปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้ทันต่อตลาดอยู่เสมอจะเป็นกุญแจสำคัญเพื่อให้แบรนด์สามารถเชื่อมกับผู้บริโภคและขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ บล็อกนี้เป็นการเน้นเทรนด์การตลาด รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาด้วยเสียง (VSO) การบูรณาการ AI การตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์ และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของโซเชียลมีเดียและการค้าผ่านแชท ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การตลาดแบบจริงใจ และการตลาดผ่านวิดีโอก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาที่สำคัญเช่นกัน ทีม Zaapi หวังว่าทุกท่านจะสามารถนำไอเดียของเทรนด์เหล่านี้ไปปรับใช้กันนะครับ
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน คลิกเลย
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Zaapi
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานฟีเจอร์ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง
- LINE OA: @zaapi
- Facebook Page: Zaapi Thailand
- Tel: 096-927-1729
Chat, Sell, Scale - The All-in-One Conversation and Commerce Hub