เมื่อสินค้าและบริการแล้ว ทางร้านต้องมีกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นและขายของได้ดีกว่าเดิม หากคุณเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจไม่ได้มีงบเยอะและไม่รู้ว่าจะต้องทำกลยุทธ์การตลาดแบบไหนถึงจะได้ผลที่สุด
วันนี้เรามี 10 เทคนิคที่พร้อมช่วยให้นักธุรกิจมือใหม่เช่นคุณมัดใจทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ได้แบบอยู่หมัด ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!
กลยุทธ์การตลาดคืออะไร?
กลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy) คือ กลวิธีหรือแบบแผนเพื่อช่วยให้สินค้าและบริการเป็นที่น่าสนใจในสายตาของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและตอบสนองการใช้งานของลูกค้า โดยทางร้านจะต้องมีการวางแผน ตัดสินใจ และจัดสรรงบประมาณในการทำการตลาด เช่น แต่ละแคมเปญหรือโปรเจ็คต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะบรรลุเป้าหมายทางการตลาดและธุรกิจของคุณ
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
ต้องใช้กลยุทธ์การตลาดแบบไหนถึงจะประสบความสำเร็จ?
ไม่ว่าจะเป็นมีธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ต้องมีเทคนิคการตลาดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้จัดสรรค่าใช้จ่ายสำหรับด้านนี้โดยเฉพาะและวางแผนโปรโมทสินค้าและบริการได้ตรงใจกลุ่มลูกค้า และนี่คือกลยุทธ์การตลาดที่จะช่วยให้มือใหม่เช่นคุณมัดใจลูกค้าเก่าและใหม่ได้ง่าย ๆ
1. เริ่มจากหน้าเว็บขายออนไลน์ของร้าน
รู้ไหมว่าการทำการตลาดเริ่มได้ง่าย ๆ ที่หน้าร้านค้าออนไลน์ของคุณ เพราะนั่นคือแหล่งโชว์สินค้าเด็ดและสินค้าอื่น ๆ ของร้าน เมื่อลูกค้าเข้ามาที่หน้าเว็บแล้วดูน่าเชื่อถือและใช้งานง่าย ลูกค้าก็มีแนวโน้มที่จะเลือกชมสินค้า ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณจะมีโอกาสในการขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
แล้วจะทำการตลาดให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณดูน่าสนใจได้อย่างไร ลองทำตามเทคนิคง่าย ๆ ต่อไปนี้ :-
- จัดประเภทสินค้าชัดเจน
- มีแบนเนอร์โปรโมชั่น
- แสดงสินค้ายอดนิยม
- มีหมวดหมู่สินค้าขายดี
- มีตัวกรอง เช่น ราคา, สี, ขนาด ฯลฯ
2. โปรโมทผ่านโซเชียลมีเดีย
กลยุทธ์การตลาดที่ทุกร้านและทุกแบรนด์ต้องทำในสมัยนี้ก็คือ การทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketing) เพราะนอกจากจะเป็นพื้นที่ในการแสดงสินค้าของร้านชั้นเยี่ยมแล้ว ทางร้านยังสามารถโต้ตอบกับลูกค้า ได้ง่าย ๆ เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสร้างความภักดีของลูกค้าไปในตัวได้ด้วย
และนี่คือแพลตฟอร์มโซเซียลมีเดียที่ทุกร้านควรทำการตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้าในยุคใหม่นี้
- เฟสบุ๊ค
- ไอจี
- TikTok
- ทวิตเตอร์
และรูปแบบคอนเทนต์ที่สามารถโปรโมทผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของร้าน ก็คือ โพสต์ภาพสินค้า วิดีโอ โพลคำถาม-คำตอบ แล้วยังสามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ต่าง ๆ ของแต่ละแพลตฟอร์มเพื่อทำคอนเทนต์ให้กับร้านของคุณได้ด้วย
3. ยิง Google Ads และทำ SEO ให้กับเว็บไซต์
การทำโฆษณาคือกลยุทธ์การตลาดทรงประสิทธิภาพที่ช่วยสร้าง Brand Awareness ช่วยดึงลูกค้าใหม่ ๆ และช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี อย่าลืมว่าการรับรู้ถือว่าสำคัญมาก ๆ ในการทำธุรกิจในระยะยาว เพราะฉะนั้นถ้ามีงบเยอะขึ้นมาหน่อย ควรยิง Google Ads และทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ เพื่อทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ แล้วก็เพิ่ม Traffic มายังเพจและเว็บไซต์ของร้านมากขึ้นด้วย การใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของทั้งการยิง Google Ads และ SEO ในระยะยาว
4. ทำการตลาดผ่านอีเมล
หลายแบรนด์ให้ความสำคัญกับการทำการตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing) กันมาก ๆ ถ้าคุณมีข้อมูลอีเมลของลูกค้าอยู่แล้ว ก็สามารถส่งอัพเดตข่าวสาร สินค้าใหม่ ๆ และโปรโมชั่นใหม่ ๆ ผ่านอีเมลได้เลย เพราะวิธีนี้ถือว่าง่ายและสะดวกรวดเร็วเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้ามีเครื่องมือการตลาดอีเมลแล้ว ยิ่งวัดผลลัพธ์ง่าย จะช่วยให้ร้านมีข้อมูลในการทำการตลาดแคมเปญต่อ ๆ ไปด้วย
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
5. จัดโปรโมชั่นให้โดนใจลูกค้าแต่ละกลุ่ม
หากทำการตลาดสินค้าและบริการได้ไม่ตรงกลุ่มลูกค้าของคุณ ก็ถือว่าไม่มีความหมาย แล้วก็อาจจะเสียเงินเปล่า ๆ เพราะฉะนั้นคุณควรมีข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า จากนั้นก็แบ่งกลุ่มลูกค้า (Customer Segmentation) เพื่อดูว่าลูกค้ากลุ่มไหน ควรจัดโปรโมชั่นอะไร
ตัวอย่างเช่น หากเป็นลูกค้าที่ชอบช้อปชุดเดรส ก็อาจจะจัดโปรลด 15% สำหรับชิ้นที่ 2 หรือถ้าเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเครื่องสำอางเป็นประจำ ก็อาจจะจัดโปรสินค้าคล้าย ๆ กันร่วมด้วยได้ ทั้งนี้อย่าลืมว่าเป้าหมายของการจัดโปรโมชั่นของคุณคือ ยอดขาย ดังนั้นควรสื่อสารให้ตรงและชัดเจน
6. มี Loyalty Program
Loyalty Program คือ โปรแกรมสร้างความภักดี ที่ทุกร้านควรมีเพื่อเปลี่ยนลูกค้าหน้าใหม่ให้กลายเป็นขาประจำ นั่นก็เพราะว่าค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่นั้นสูงกว่าการรักษาลูกค้าขาประจำมากถึง 5 เท่า และลูกค้าขาประจำก็ใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าใหม่ จึงเป็นแหล่งรายได้หลักของร้าน
แล้วมี Loyalty Program แบบไหนที่ร้านสามารถใช้เพื่อมัดใจลูกค้าเก่าและใหม่ได้บ้าง? ต้องบอกว่ามีหลายแบบด้วยกัน เช่น
- บัตรสะสมคะแนน
- บัตรสะสมแสตมป์
- การแบ่งระดับสมาชิก
- โปรแกรมคืนเงิน (Cashback)
เมื่อมี Loyalty Program แล้ว ร้านของคุณก็จะเรียกลูกค้าให้กลับมาซื้อของกับที่ร้านได้บ่อยง่ายขึ้น วิธีนี้จึงเป็นเทคนิคการตลาดที่นิยมกันมานานมาก ๆ
7. หาอินฟลูเอนเซอร์
Influencer หรือ อินฟลูเอนเซอร์ คือกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามในโลกโซเชียลจำนวนมาก ทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลในกลุ่มลูกค้ายุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ยิ่งเป็นธุรกิจที่ต้องอิงกับกระแสนิยมแล้วล่ะก็ ยิ่งต้องหาอินฟลูเอนเซอร์มาโปรโมทสินค้าผ่านเฟสบุ๊ค ไอจี และทวิตเตอร์
ข้อดีของการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ก็คือ เป็นการสร้าง Brand Awareness ทำให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นและเพิ่มโอกาสในการขายให้กับสินค้าของคุณได้ด้วย ส่วนเทคนิคในการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ก็คือ ต้องเลือกให้เหมาะกับสินค้าและบริการ แล้วก็ต้องเป็นที่รู้จักในหมู่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของร้านคุณด้วย
8. ร่วมมือกับร้านหรือแบรนด์อื่น
แน่นอนว่าแต่ละร้านจะมีฐานลูกค้าเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าอยากขยายฐานลูกค้าของคุณไปได้ตรงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มยอดขายให้ร้านได้ละก็ จะต้องใช้กลยุทธ์การตลาดแบบร่วมมือกับร้านอื่น ซึ่งเราเรียกกลุยทธ์นี้ว่า Partnership
ข้อดีของการทำการตลาดแบบนี้คือ จะช่วยย่นเวลาในการขยายฐานลูกค้า เพราะแค่จับคู่กับร้านอื่นแล้วทำแคมเปญเจ๋ง ๆ ขึ้นมา ก็ช่วยให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว ขอแค่ทำสินค้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟก็ได้ใจลูกค้าแน่นอน
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
9. เข้าร่วมอีเวนต์
ถ้าอยากทำให้ร้านได้พบเจอกับกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ และไม่ต้องใช้งบเยอะ ขอแนะนำให้เข้าร่วมอีเวนต์ เพราะเป็นวิธีเข้าถึงลูกค้าในรูปแบบออฟไลน์ที่ถือว่าได้ผลไม่น้อย หากไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก็สามารถออกบูธตามห้างหรืองานมหกรรมต่าง ๆ ก็ได้ เช่น บูธเสื้อผ้าและงานมหกรรมอาหาร เป็นต้น
10. ให้ความสำคัญกับแพ็คเกจจิ้ง
แพ็คเกจจิ้ง (Packaging) หรือ บรรจุภัณฑ์ ถือเป็นหน้าตาของร้าน ทั้งยังช่วยให้ลูกค้าจำร้านได้ง่าย นอกจากจะเน้นความสวยงามและการใช้งานแล้ว คุณควรดีไซน์แพ็คเกจจิ้งให้แปลกใหม่และมีเอกลักษณ์ด้วย ลูกค้าจะได้ติดใจและกลับมาซื้อบ่อย ๆ ยิ่งร้านคุณน่าสนใจมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดึงดูดลูกค้าได้มากเท่านั้น แล้วร้านก็จะสร้างยอดขายและทำกำไรได้ง่าย ๆ
ส่วนแพ็คเกจจิ้งที่น่าสนใจและมาแรงสุด ๆ ในยุคนี้ก็คือ แพ็คเกจจิ้งแนวรักษ์โลกที่เน้นการรีไซเคิลและลดขยะ เพราะลูกค้าปัจจุบันไม่ได้สนใจแค่สินค้าที่ซื้อ แต่ยังคำนึงถึงผลดี-ผลเสียต่อด้านอื่น ๆ อย่างสิ่งแวดล้อมและคุณค่าต่อสังคมอีกด้วย
และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 กลยุทธ์การตลาดที่ช่วยให้ร้านของคุณมัดใจลูกค้าและช่วยเสริมให้ยอดขายพุ่งง่ายขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกเทคนิคการตลาดต้องใช้เงินทุนและต้องลองผิดลองถูกถึงจะรู้ว่าวิธีไหนได้ผลดีที่สุดกับร้านของคุณ ดังนั้นไม่ควรยอมแพ้ แต่ให้ทดลองไปเรื่อย ๆ จนเจอวิธีที่ใช่ที่สุดสำหรับร้าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ต้องอาศัยหลาย ๆ วิธีร่วมกันจึงจะบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้
Zaapi ระบบรวมแชทสำหรับธุรกิจและร้านค้าออนไลน์ ครอบคลุมทั้งบนโซเชียลมีเดีย และอีคอมเมิร์ซตั้งแต่ Facebook Page, Instagram, LINE OA, Shopee และ Lazada รวมแชทจากทุกช่องทาง บริหารงานง่าย ครบจบบนแพลตฟอร์มเดียว
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Zaapi
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานฟีเจอร์ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง
- LINE OA: @zaapi
- Facebook Page: Zaapi Thailand
- Tel: 096-927-1729
Chat, Sell, Scale - The All-in-One Conversation and Commerce Hub