การขายของออนไลน์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่หน้าเว็บไซต์ เลยทำให้เราได้ยินคำว่า “Social Commerce” กันหนาหูมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่โควิดแพร่ระบาดที่ผ่านมา ทำให้หลายร้านขยับขยายจากการขายหน้าร้านไปเป็นขายของออนไลน์แทน หรือบางร้านก็ขายควบคู่กันทั้งหน้าร้านและออนไลน์ และแน่นอนว่า Social Commerce ก็คืออีกหนึ่งช่องทางการขายออนไลน์ที่เป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน
แต่สงสัยไหมว่า Social Commerce คืออะไรกันแน่ ทำไมร้านค้าถึงต้องให้ความสนใจ และต้องทำยังไงถึงจะขายดี ในบทความนี้มีคำตอบ!
Social Commerce คืออะไร?
Social Commerce หรือ โซเชียล คอมเมิร์ซ เรียกสั้น ๆ ว่า S-commerce คือ การค้าขายสินค้าหรือบริการโดยตรงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, LINE และ TikTok เป็นการขายของและกระตุ้นให้ผู้ใช้งานแอพดังกล่าวซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านที่พวกเขาสนใจโดยไม่ต้องออกจากแอพโซเชียลมีเดียแอพโปรดของพวกเขา
การซื้อขายสามารถเกิดขึ้นได้ในทันทีบนแพลตฟอร์ม อีกทั้งลูกค้าและคนขายเชื่อมต่อพูดคุยกันได้โดยตรงด้วย Social Commerce จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายที่น่าสนใจและมาแรงมาก ๆ ในยุคนี้
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
Social Commerce กับ Ecommerce ต่างกันยังไง?
Ecommerce คือ การช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือแอพ ส่วน Social Commerce คือ การมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งหรือการช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าหรือบริการผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใช้งานได้เลย เพราะฉะนั้น Social Commerce ต่างกับ Ecommerce แต่ก็คล้ายกันตรงที่ทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเดินทางมาหน้าร้าน
นอกจากนี้ Social commerce ยังไม่ได้หมายถึงแค่การซื้อขายผ่านโซเชียลอย่างเดียวเท่านั้น แต่คือการสร้างความสัมพันธ์และการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านโซเชียลจนนำไปสู่การซื้อขายด้วย
ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Social Commerce?
หากไม่แน่ใจว่าต้องให้ความสำคัญกับ Social Commerce หรือไม่ หรือว่าทำไมร้านและแบรนด์ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ นี่คือเหตุผลที่จะทำให้คุณเข้าใจยิ่งขึ้น
- โต้ตอบกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
การซื้อของบนโซเชียลมีเดียช่วยให้เกิดการสื่อสารระหว่างร้านกับลูกค้าได้ดีกว่าการซื้อของออนไลน์ทั่วไป เพราะลูกค้าสามารถไลค์และคอมเมนต์ใต้โพสต์สินค้า แท็กเพื่อนมาดู รวมถึงทักแชทสอบถามข้อมูลจากร้านได้อย่างสะดวกสบายและตัดสินใจซื้อได้ทันทีจากร้านหรือแบรนด์ที่พวกเขาสนใจ จึงทำให้ร้านสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
- มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แสนราบรื่น
เห็นโพสต์ → คลิก → ซื้อสินค้า นี่คือสิ่งที่ลูกค้าทำได้ทันทีใน Facebook Shop, Instagram Shopping, LINE SHOPPING และ TikTok Shop ถือเป็นเส้นทางการซื้อขายสินค้าและบริการที่ราบรื่นและไร้ขีดจำกัด
ยิ่งลูกค้าเห็นสินค้าบนหน้าฟีดหรือหน้าช็อปมากเท่าไหร่ โอกาสในการคลิกซื้อก็ยิ่งมากเท่านั้น แต่ถ้าลูกค้าต้องคลิกไปหลายขั้นตอน โอกาสที่พวกเขาเปลี่ยนใจที่จะไม่ซื้อสินค้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากไปอีก เช่น คลิกผ่านโฆษณา → ไปหน้าเว็บ → เพิ่มสินค้าลงตะกร้า → เพิ่มบัตรเครดิต/เดบิตหรือเพิ่มรายละเอียดการจ่ายเงิน → จ่ายเงิน แค่นึกภาพตามนี้ก็ท้อแล้วใช่ไหม
ดังนั้น Social Commerce จึงปิดช่องว่างตรงนี้ได้เป็นอย่างดี คือช่วยลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้เร็วขึ้น
- มีโอกาสทำเงินค่อนข้างสูง
หลังจากที่โควิดแพร่ระบาด วงการขายของออนไลน์และการขายของในโลกโซเชียลก็ร้อนระอุมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีความต้องการของลูกค้าค่อนข้างสูง เลยทำให้ Social Commerce กลายเป็นแหล่งทำเงินของพ่อค้าแม่ค้ายุคโควิด และจนถึงปัจจุบันกระแสนี้ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มากไปกว่านั้นขาช้อปส่วนใหญ่ยังหาข้อมูลสินค้าบนไอจีและ Facebook ก่อนตัดสินใจซื้อด้วย แล้วแบบนี้จะพลาด Social Commerce ได้ยังไงล่ะ จริงไหม?
- รู้ฟีดแบ็คลูกค้าได้เร็ว
ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยให้เกิดการซื้อขายเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ Social Commerce ยังเป็นแหล่งรวมฟีดแบ็คชั้นเยี่ยม เพราะสินค้าและบริการของคุณถูกวางขายในโซเชียลที่ที่ลูกค้าสามารถรีวิวและแสดงความคิดเห็นร่วมกันได้อย่างเปิดกว้าง ร้านคุณจึงจะได้ฟีดแบ็คที่ตรงไปตรงมาได้ทันทีเนื่องจากคุณสามารถเช็คได้ทันทีว่าลูกค้าชอบหรือไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณ
ดังนั้นทำไมไม่ลองถือโอกาสนี้เปิดโหวตให้ลูกค้าลงความเห็นตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาและผลิตสินค้าเลยล่ะ เมื่อคุณได้ฟีดแบ็คแล้ว ก็จะได้สินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้ายิ่งขึ้น ทำให้มีโอกาสขายสินค้าใน Social Commerce ยิ่งขึ้น
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
ค้าขายบน Social Commerce ไหนดีในปี 2024?
สำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เหมาะและมีประสิทธิภาพในการทำ Social Commerce มากที่สุดแล้ว ในปัจจุบันแบ่งเป็น 4 แพลตฟอร์มด้วยกันคือ Facebook, Instagram, LINE และ TikTok
1. Facebook
Facebook มีฟีเจอร์ Facebook Shop ที่สามารถขายของออนไลน์ได้ฟรี ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือเพิ่มรายได้ร้านชั้นยอดสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและ SME สะดวกสบายตรงที่สามารถออกแบบเทมเพลตหน้าร้านออนไลน์ได้ รวมถึงใส่รายละเอียดสินค้าและจัดแค็ตตาล็อกได้อย่างง่ายดาย
มากไปกว่านั้น Facebook Shop ยังมีฟีเจอร์ติดตามสถานะการจัดส่งสินค้าและแท็กสินค้าขณะไลฟ์สดอยู่ โดยลูกค้าสามารถคลิกซื้อสินค้าและจ่ายเงินได้ทันที ถือเป็นจุดเด่นที่ช่วยเสริมการทำ Social Commerce ได้อย่างดีเยี่ยม
2. Instagram
Instagram มีฟีเจอร์ Instagram Shopping ที่เชื่อมต่อกับ Facebook Shop โดยตรง มีข้อดีคือคุณสามารถแท็กสินค้า จัดคอลเล็กชั่นสินค้าตามหมวดหมู่ และใส่รายละเอียดสินค้าได้ครบ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากรูปและวิดีโอของร้านบน Instagram ได้เลย
อีกหนึ่งข้อดีของ Instagram Shopping ก็คือลูกค้าสามารถค้นพบร้านของคุณได้อย่างง่ายดายในแท็บ “Shop” จึงทำให้ร้านหรือแบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักและเพิ่มโอกาสในการขายได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
3. LINE
ในส่วนของ LINE จะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า LINE SHOPPING ที่รองรับการทำ Social Commerce ได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากมีฟีเจอร์มากมายที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายร้านได้อย่างง่ายดายเช่นกัน ตัวแพลตฟอร์มเชื่อมต่อกับตัวแชท LINE โดยตรง ทำให้ร้านและลูกค้าทำการซื้อขายออนไลน์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด เพียงลูกค้าแตะที่ไอคอน “Wallet” ก็จะเข้าไปที่ “LINE SHOPING” และเลือกซื้อของที่ต้องการได้เลย ไม่ต้องโหลดแอพหรือไปที่อื่นให้ยุ่งยาก
ทั้งนี้หากลูกค้ามีข้อสงสัยก็สามารถทักแชทสอบถามรายละเอียดและพูดคุยกับร้านได้ทันที ที่สำคัญตัว LINE SHOPPING ยังเชื่อมต่อกับบริการอื่นอย่าง LINE Official Account และ LINE Ads Platform ที่ช่วยยกระดับการขายของออนไลน์ใน Social Commerce ของคุณให้ทรงพลังและมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าให้กับลูกค้า
4. TikTok
TikTok Shop บริการตลาดอีคอมเมิร์ซของ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่รวมทั้งคนซื้อและคนขายไว้ได้อย่างลงตัว เพียงสมัครง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอนก็เปิดร้านค้าออนไลน์ได้รวดเร็ว สามารถเพิ่มลดสินค้า ใส่ข้อมูลการจัดส่ง และทำโปรโมชั่นต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งยังใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคนขาย 1 คนสามารถเชื่อมต่อบัญชีผู้ใช้งาน TikTok ได้สูงสุดถึง 5 บัญชีด้วยกัน
อีกหนึ่งจุดเด่นของ TikTok ก็คือเป็นแอพแห่งความบันเทิงที่มีฐานผู้ใช้งานสูง โดยคุณสามารถโปรโมทสินค้าและบริการได้ผ่านวิดีโอและไลฟ์วิดีโอเพื่อเพิ่มการมองเห็นและทำให้ร้านเป็นที่รู้จักได้ง่าย ๆ และยังสามารถใส่ลิงก์สินค้าให้ลูกค้ารับชมและตัดสินใจซื้อได้เลยทันที TikTok Shop จึงเป็นอีกหนึ่ง Social Commerce แพลตฟอร์มที่น่าสนใจและน่าลองมาก ๆ ในปี 2022 นี้
ถึงเวลาให้ความสำคัญกับ Social Commerce มากขึ้นแล้ว!
จริง ๆ แล้ว Social Commerce ก็คือการขายของออนไลน์ผ่านโลกโซเชียลที่สำคัญไม่ต่างจากอีคอมเมิร์ซทั่วไป แถมยังเชื่อมต่อลูกค้ากับร้านให้โต้ตอบกันได้ง่ายยิ่งขึ้นและช่วยให้ร้านโปรโมทสินค้าและบริการผ่านช็อปและคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ ด้วย ทำให้ลูกค้าและร้านทำการซื้อขายได้อย่างราบรื่น แค่ไม่กี่คลิกก็ปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว
ที่สำคัญแต่ละแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram, LINE หรือว่า TikTok นั้นยังมีจุดเด่นที่รองรับการขายแบบ Social Commerce ทำให้ร้านเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าคุณคิดจะขายออนไลน์ นอกจากจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองหรือว่าขายตามมาร์เก็ตเพลสต่าง ๆ แล้ว บอกเลยว่าไม่ควรมองข้ามการทำ Social Commerce เด็ดขาด รับรองว่ายอดขายร้านจะโตต่อเนื่องและไปได้สวยแน่นอน!
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Zaapi
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานฟีเจอร์ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง
- LINE OA: @zaapi
- Facebook Page: Zaapi Thailand
- Tel: 096-927-1729
Chat, Sell, Scale - The All-in-One Conversation and Commerce Hub