Social Media Marketing คืออีกหนึ่งเทคนิคการตลาดที่ถือว่าได้ผลมาก ๆ สำหรับธุรกิจน้อยใหญ่ เพราะเป็นวิธีที่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มคนที่อาจเป็นลูกค้าในอนาคตและลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าของคุณมักจะโต้ตอบกับร้านผ่านโซเซียลมีเดียอย่าง Facebook, Twitter, Instagram หรือว่า TikTok กันเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าร้านไม่ได้สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างตรงจุด ก็อาจจะพลาดโอกาสขายไปเลยก็ได้ เพราะ Social Media Marketing คือสิ่งที่มองข้ามกันไม่ได้ในปี 2024 นี้!
Social Media Marketing คืออะไร ?
Social Media Marketing คือ การทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นการสร้างและแชร์คอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการตลาดและการสร้างแบรนดิ้งของร้าน โดยหลัก ๆ แล้ว Social Media Marketing จะมีดังนี้ :-
- โพสต์ข้อความ
- รูปภาพ
- วิดีโอ
นอกจากนี้ยังรวมถึงคอนเทนต์อื่น ๆ ที่ช่วยสร้าง Engagement และโฆษณาต่าง ๆ ที่อยู่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของร้านคุณด้วย
และถ้าสงสัยว่าต้องทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียแบบไหน ถึงจะถูกใจลูกค้าและเรียกยอดขายได้ในที่สุด วันนี้เรามีเทคนิคเด็ด ๆ มาฝากกัน รับรองปี 2020 นี้ปังทั้ง Engagement และยอดขายแน่นอน
1. รู้จักกลุ่มลูกค้า
การรู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมายถือว่าสำคัญมาก ๆ ในการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ทำคอนเทนต์ที่ใช่สำหรับกลุ่มลูกค้า จะได้กระตุ้นการมีส่วนร่วมของลูกค้าไปในตัวด้วย เช่น ไลค์ แชร์ และคอมเมนต์ เพราะฉะนั้นถ้าอยากเปลี่ยนโซเชียลให้เป็นแพลตฟอร์มของธุรกิจคุณ ก็ต้องรู้ข้อมูลสำคัญ ๆ ของลูกค้า เช่น
- อายุ
- โลเคชั่น
- รายได้
- งานหรืออาชีพ
- ความสนใจ
- ฯลฯ
2. วางแผนให้ถี่ถ้วน
ขั้นตอนแรกก่อนการทำแคมเปญการตลาดใด ๆ บนโซเชียลมีเดีย คุณต้องดูเป้าหมายของร้านเสียก่อน เพราะการทำแคมเปญโดยไม่มีกลยุทธ์ ก็เปรียบเสมือนการเดินวนในเขาวงกต ซึ่งแรก ๆ อาจจะสนุก แต่หลัง ๆ ก็จะหลงทางและเสียเวลา แต่สำหรับการทำแคมเปญคือ หากทำไม่ถูกต้อง คุณจะเสียเงินไปโดยเปล่าด้วย
ในส่วนของการวางแผนทำ Social Media Marketing นั้นเราขอแนะนำให้เริ่มด้วยคำถามเหล่านี้ :-
- เป้าหมายของธุรกิจและแต่ละแคมเปญคืออะไร
- กลุ่มลูกค้าของคุณคือใคร
- ใครคือแวดวงใกล้เคียงของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
- ต้องการสื่อสารอะไรกับลูกค้าในการทำ Social Media Marketing ในแต่ละครั้ง
และปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้วางแผนทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียก็คือ ประเภทธุรกิจของคุณนั่นเอง
3. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
คุณสามารถตั้งเป้าหมายในการทำการตลาดบนโลกโซเชียลมีหลายอย่างด้วยกัน เช่น
- สร้าง Brand Awareness
- สร้างตัวตนของแบรนด์
- สร้าง Engagement และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
- เพิ่มจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์หรือเพจร้าน
- เพิ่มยอดขาย
ยิ่งร้านคุณมีฐานผู้ติดตามในโลกโซเชียลมีเดียมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายในการทำ Social Media Marketing ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
4. บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์
แชร์เรื่องราวของร้านอย่างภารกิจแบรนด์และเบื้องหลังความเป็นมา เพราะหากคุณเล่าเรื่องราวของร้านหรือสินค้าได้ดี ก็จะช่วยสร้างภาพพจน์ดี ๆ ให้กับร้านและเพิ่มยอดขายได้ในที่สุด ถ้าจะให้ดีควรแชร์เรื่องราวของลูกค้าที่ใช้สินค้าหรือบริการของร้านคุณ ถ้าลูกค้าโพสต์หรือแชร์ฟีดแบ็คดี ๆ เกี่ยวกับร้าน ก็รีโพสต์บนโซเชียลมีเดียได้เลย เพราะจะช่วยให้ร้านของคุณก็มีตัวตน น่าเชื่อถือ และยังทำให้สินค้าน่าใช้มากยิ่งขึ้นด้วย
5. วางแผนคอนเทนต์
ในการทำคอนเทนต์ นอกจากจะต้องดูที่เป้าหมายธุรกิจและกลุ่มลูกค้าแล้ว คุณควรทำ Keyword Research และวิเคราะห์คู่แข่ง ดูจุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละร้าน จากนั้นก็ประชุมทีมและวางแผนคอนเทนต์ที่ต้องการโพสต์บนแต่ละแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของร้าน เพื่อดูว่าคอนเทนต์แนวไหนจะเหมาะกับแพลตฟอร์มไหน
เช่น ถ้าเป็นเฟสบุ๊คหรือไอจี ก็จะเน้นภาพหรือวิดีโอสนุก ๆ แต่ถ้าเป็นคอนเทนต์บน TikTok ก็จะเน้นออกแนวไวรัล เล่นได้มากกว่า และสนุกได้มากขึ้นมาหน่อย
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
6. โพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ
การทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียจะต้องอาศัยความสม่ำเสมอถึงจะเป็นที่จดจำในกลุ่มลูกค้าของคุณได้ ดังนั้นควรกำหนดให้ชัดเลยว่า วันนี้หรือเวลานี้ จะโพสต์อะไร หรือโพสต์คอนเทนต์รูปแบบไหน เช่น โพสต์ภาพสินค้าทุกวันจันทร์ เวลา 20.00 น. โพสต์โปรโมชั่นทุกวันศุกร์ เวลา 21.30 น.
เคล็ดลับในการทำคอนเทนต์ก็คือ ต้องน่าสนใจและเป็นประโยชน์แก่ลูกค้า ซึ่งสามารถโพสต์ได้ทั้งภาพ วิดีโอ อินโฟกราฟิก เคล็ดลับต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย ยิ่งถ้าเป็นคอนเทนต์ที่เป็นกระแสมาแรง บอกเลยว่าต้องโพสต์ให้ทัน เพราะลูกค้ามักจะชอบและจำร้านที่ตามเทรนด์นั่นเอง
7. วิเคราะห์ข้อมูล
เมื่อโพสต์คอนเทนต์แล้วก็ต้องติดตามผลลัพธ์เพื่อดูว่าแต่ละโพสต์เป็นยังไงบ้าง เช่น
- Engagement Rate เป็นยังไง
- Reach เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วหรือไม่
- มียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นหรือเปล่า
- มีคนติดแฮชแท็กของร้านเท่าไหร่
- ฯลฯ
ซึ่งในข้อมูลเชิงลึกของแต่ละแพลตฟอร์มจะมีข้อมูลเหล่านี้ให้อยู่แล้ว เมื่อมีข้อมูลในมือก็จะช่วยให้วางแผนคอนเทนต์ได้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของแต่ละแพลตฟอร์มยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ติดตามรู้สึกมีส่วนร่วม เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และเพิ่มยอดขายได้ในที่สุด
8. วางแผนรับมือกับภาวะวิกฤต
แน่นอนว่าบนโลกออนไลน์และโซเชียลมักจะมีกลุ่มลูกค้าที่ไม่พอใจสินค้าและบริการของคุณ หรืออาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสมอ ดังนั้นร้านควรวางแผนรับมือกับภาวะวิกฤตที่ลูกค้าอาจจะคอมเมนต์ในเชิงลบ เพราะการมีคู่มือและแผนรับมือไว้ จะช่วยให้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่าเดิม
แนะนำให้จำลองสถานการณ์และร่างคำตอบหรือแนวทางการแก้ปัญหาคร่าว ๆ ไว้ เช่น
- สินค้ามีปัญหา
- ลูกค้าใช้ส่วนลดไม่ได้
- ลูกค้าติดต่อทีมซัพพอร์ตไม่ได้
- ลูกค้าไม่ได้รับสินค้า
ลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้าร้านคุณเจอเหตุการณ์แบบนี้ จะตอบลูกค้าหรือจัดการกับปัญหายังไง
9. หาแรงบันดาลใจ
ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าหรือทำธุรกิจอะไร แรงบันดาลใจคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยสรรสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ และช่วยให้ฟีดของคุณไม่น่าเบื่อ เช่น ถ้าขายเสื้อผ้า ก็แชร์ไอเดียการแต่งตัว ถ้าขายเฟอร์นิเจอร์ ก็โพสต์การตกแต่งหรือจัดวางเฟอร์นิเจอร์ หรือถ้าขายอาหาร ก็สามารถแชร์ไอเดียเมนูใหม่ ๆ หรือนำเสนอเมนูใหม่ของร้านได้
ลองดูว่าแบรนด์อื่น ๆ ที่มีไอเดียทำคอนเทนต์ยังไงบ้าง หรือจะถามลูกค้าโดยจรงก็ได้ จากนั้นก็ประยุกต์ไอเดียใหม่ ๆ ลงบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของร้าน วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่หยุดพัฒนาการทำการตลาดบน Social Media Marketing
10. แชร์ลิงก์
ถ้าอยากเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณได้โดยตรง คุณควรแชร์ลิงก์หน้าร้านค้าออนไลน์หรือสินค้าลงในแคปชั่นของโซเชียลมีเดีย เพราะเมื่อลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเห็นสินค้าที่สนใจและสามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อสินค้าได้ทันที
ยิ่งลูกค้าช้อปสะดวกมากเท่าไหร่ โอกาสในการขายก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นควรแชร์ลิงก์ในแคปชั่นของแต่ละโพสต์ วิธีนี้เป็นการทำการตลาดที่ถือว่าได้ผลดีเป็นอย่างมาก
11. ใช้แฮชแท็ก
หากอยากเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างขึ้นแบบไม่ต้องทำโฆษณาหรือยิงแอด แนะนำให้ใช้แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับโพสต์และตัวสินค้า เพื่อให้โพสต์มีความเฉพาะเจาะลงและตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายมองหามากยิ่งขึ้น เมื่อเลือกใช้แฮชแท็กที่ใช่แล้ว ร้านของคุณก็จะเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ อยู่เสมอ เช่น ถ้าสินค้าหลักคือ เดรสเกาหลี ก็สามารถใช้คำนี้ติดแฮชแท็กได้เลย
ตัวอย่างการติดแฮชแท็กของโซเชียลมีเดียแต่ละแพลตฟอร์ม
- ทวิตเตอร์ ใช้ 1 - 2 แฮชแท็ก
- อินสตาแกรม ใช้ 5 - 11 แฮชแท็ก
- เฟสบุ๊ค ใช้ 1 - 2 แฮชแท็ก
ส่วนประเภทของแฮชแท็กที่ควรใช้ก็ได้แก่ #แบรนด์, #Community, #แคมเปญ, #เทรนด์, #วันหยุด และ #สินค้า
ถึงเวลาลองแล้ว!
ได้รู้ความหมายของ Social Media Marketing และเทคนิคต่าง ๆ กันไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาของคุณแล้ว! โซเชียลมีเดียคือแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมและมีกลุ่มลูกค้าอยู่ทุกที่ แค่เพียงรู้ว่าลูกค้าของคุณเป็นใคร ต้องทำคอนเทนต์แบบไหน และรู้จักวัดผลตามเป้าหมายที่วางไว้ เท่านี้ก็จะทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียในปี 2022 ได้ดีขึ้นและเพิ่มยอดขายได้ตามแผนที่วางไว้แล้ว
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ทดลองใช้ระบบรวมแชทบน Zaapi ฟรี 7 วัน
{{cta-button="/cms-injection-content"}}
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Zaapi
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานฟีเจอร์ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทาง
- LINE OA: @zaapi
- Facebook Page: Zaapi Thailand
- Tel: 096-927-1729
Chat, Sell, Scale - The All-in-One Conversation and Commerce Hub